Make Appointment

แพทย์จุฬาฯ แนะวิธีปกป้องผิวลูกจาก "แสงแดด"

25 Sep 2016 เปิดอ่าน 1316

เข้าสู่หน้าร้อนทีไร ทำเอาทุกบ้านร้อนเนื้อ ร้อนตัว จนหงุดหงิดเพราะร้อนใจกันไปตาม ๆ กัน โดยเฉพาะไอร้อนจาก "แสงแดด" ที่นอกจากจะส่งผลต่ออารมณ์แล้ว ยังทำให้ผิวหนังหมองคล้ำอีกด้วย ซึ่งไม่เพียงแต่ผู้ใหญ่เท่านั้น แสงแดดยังส่งผลโดยตรงต่อผิวหนังเจ้าตัวเล็กได้มาก หากถูกเผาบ่อย ๆ อาจทำให้เกิดอาการขาดน้ำ และมีไข้ตามมาได้ง่าย
       
       ดังนั้น การปกป้องผิวหนังจากแสงแดดในวัยเด็กมีความจำเป็น และมีความสำคัญไม่แพ้ผิวหนังผู้ใหญ่ โดย ศ.พญ.ศิริวรรณ วนานุกูล หัวหน้าหน่วยโรคผิวหนังเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยว่า ปกติผิวเด็กนั้นมีความบอบบางและละเอียดอ่อนอยู่แล้ว ทั้งนี้พื้นที่ผิวหนังของเด็กต่อน้ำหนักตัวมากกว่าผู้ใหญ่ประมาณ 3 เท่า นั่นหมายความว่าผิวเด็กมีโอกาสที่จะเปิดรับต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรังสี UV หรือสารเคมีทุกอย่างที่สัมผัสกับผิวเด็กได้ง่าย จึงเกิดอาการระคายเคืองได้มากกว่าผู้ใหญ่ได้ถึง 3 เท่านั่นเอง
       
       "รังสี UV ชนิด UVA มีความสามารถในการทะลุทะลวงกระจกได้ค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นกระจกหน้าต่างบ้าน หรือกระจกรถ อย่างกระจกรถยนต์นั้น ถ้าเป็นกระจกหน้ารถจะป้องกันรังสี UVA ได้ แต่สำหรับกระจกด้านข้าง และกระจกหลังนั้น ไม่สามารถป้องกันได้ ซึ่งพ่อแม่มักนำเด็กเล็กไว้ในรถบ่อย ๆ ยามที่ออกไปทำธุระนอกบ้าน ซึ่งเด็กก็มีโอกาสได้รับรังสี UV ไม่ต่างกับผู้ใหญ่เลย"
       
       ส่วนเด็กที่โตมากขึ้นหน่อย ชอบวิ่งเล่น หรือเล่นเครื่องเล่นต่าง ๆ ในสนามเด็กเล่น รวมไปถึงเด็กโตในวัยเรียนที่มีกิจกรรมกลางแจ้งมากมาย คุณหมอผิวหนังเด็กท่านนี้ บอกว่า มีโอกาสได้รับรังสี UV จากแสงแดดค่อนข้างมาก และตลอดเวลา ทางที่ดี นอกเหนือจากการป้องกันรังสี UV ด้วยการใส่หมวก ใส่เสื้อผ้าที่ปกป้องผิวจากแสงแดด รวมไปถึงการใส่แว่นดำ และหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดในช่วงเวลา 10.00-16.00 น. โดยไม่จำเป็นแล้ว การใช้สารปกป้องผิวจากแสงแดดที่ถูกพัฒนา และคิดค้นมาเพื่อผิวเด็กโดยเฉพาะ และใช้เป็นประจำในทุกวันมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
       
       ผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวแบบไหนเหมาะกับผิวเด็ก
       
       สำหรับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ไม่ว่ากับเด็กผิวแพ้ง่าย หรือเด็กปกติ จำเป็นต้องเลือกใช้อย่างระมัดระวัง ซึ่งผลิตภัณฑ์สำหรับผิวเด็กที่ดี และปลอดภัยนั้น คุณหมอท่านนี้ แนะนำว่า ไม่ควรมีส่วนผสมของน้ำหอม หรือสารสังเคราะห์บางตัวที่จะมีผลต่อการระคายเคือง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ และมีคุณสมบัติที่เหมาะกับผิวเด็กทั่วทั้งตัว คือใช้ได้ตั้งแต่ใบหน้า ไปจนถึงทาได้ทั่วตัว ซึ่งต้องผ่านการทดลอง และการทดสอบในห้องวิจัยมาแล้วอย่างดี
       
       หากคุณพ่อคุณแม่ไม่มั่นใจ หรืออยากทดสอบก่อนว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนั้นมีผลระคายเคืองต่อผิวเด็กหรือไม่ สามารถทดสอบได้ง่าย ๆ โดยการทาบริเวณข้อพับ หรือบริเวณที่เป็นผิวอ่อน ทาแล้วทิ้งไว้ราว 5 นาที หรือมากกว่า แล้วเฝ้าสังเกต หากไม่มีอาการผื่นแดง ก็แสดงว่าไม่มีอาการระคายเคือง แต่โดยส่วนใหญ่แล้วผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก จะไม่ค่อยส่งผลให้เกิดอาการแพ้อยู่แล้ว จึงไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้

* ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9540000048878