นัดพบแพทย์

6 โรคระบบการหายใจที่มากับหน้าฝน

11 Sep 2016 เปิดอ่าน 1484

ในช่วงฤดูฝน จำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกคนจะต้องระมัดระวังเรื่องสุขภาพและการเจ็บไข้ได้ป่วยมากเป็นพิเศษ เพราะอากาศเริ่มเย็นและมีละอองความชื้นมากขึ้น ทั้งนี้ ไม่เพียงไข้หวัดที่เรารู้จักกันดีเท่านั้น แต่ยังอาจทำให้เกิดความรุนแรงของโรคระบบการหายใจได้หลายโรคที่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพกับเด็กและผู้ใหญ่

ศ.นพ.อรรถ นานา นายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลโรคที่ต้องระวังในหน้าฝนว่า มีทั้งหมด 6 โรคสำคัญด้วยกัน

โรคแรก คือโรคเยื่อบุจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือที่เรียกกันว่า “แพ้อากาศ” พบได้บ่อยในผู้ป่วยเด็กและวัยหนุ่มสาว โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้นี้มีอาการเรื้อรัง อาจเกิดโรคแทรกซ้อน เช่น ไซนัสอักเสบ และหูชั้นกลางอักเสบได้ ผู้ป่วยโรคนี้มักมีอาการคัดจมูก, น้ำมูกไหล, คันในจมูกลำคอ และมีน้ำมูกไหลลงคอ วิธีการป้องกันมีดังนี้ สร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย หลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นให้มีอาการมากขึ้นเช่น ละอองฝนและพายุฟ้าคะนอง ฯลฯ

โรคที่สอง โรคไข้หวัดใหญ่ ที่พบได้บ่อยมากในคนทุกเพศทุกวัย เป็นมากในช่วงฤดูฝน ผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดใหญ่มักมีอาการหนาวสั่น, มีไข้สูงมาก, ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ, ปวดศีรษะรุนแรง, ไอ, อ่อนเพลียและรู้สึกไม่สบายตัว ส่วนการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงมักเกิดในเด็กเล็ก คนสูงอายุ คนที่สูบบุหรี่จัด ผู้ป่วยที่เป็นโรคปอดเรื้อรัง หรือโรคหัวใจเรื้อรัง ซึ่งสามารถทำให้เสียชีวิตได้ วิธีการป้องกันคือ หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย พักผ่อนให้เพียงพอ

โรคที่สาม โรคหลอดลมอักเสบ เกิดจากการอักเสบเยื่อบุของหลอดลม ทำให้เยื่อบุหลอดลมบวมและมีเสมหะภายในหลอดลม สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่หายใจเข้าไป ผู้ป่วยที่เป็นโรคชนิดนี้จะมีอาการไอ, มีเสมหะ, อาจมีหายใจลำบากและและมีอาการหอบถ้ามีการอักเสบรุนแรง, เหนื่อย, มีไข้หรือเจ็บหน้าอก โรคหลอดลมอักเสบมักจะหายได้เองภายใน 7 วันอย่างไรก็ดีพบว่ามีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่ใช้เวลา 2 - 4 สัปดาห์ จึงจะหายจากโรคหลอดลมอักเสบ โดยเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่จัดมาเป็นเวลานาน วิธีการป้องกันคือ ไม่สูบบุหรี่ ดื่มน้ำสะอาดวันละ 1 - 2 ลิตร


ศ.นพ.อรรถ ให้ข้อมูลต่อว่า สำหรับโรคที่สี่คือ โรคปอดอักเสบ หรือปอดบวม ภาษาอังกฤษเรียกว่า “นิวโมเนีย” เกิดจากการอักเสบของปอดซึ่งสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย, ไวรัส, รา, ปรสิต หรือมีสาเหตุมาจากสารเคมีเข้าไปทำให้มีการอักเสบของปอด ผู้ป่วยมักมีอาการไข้สูง, ไอ, เจ็บหน้าอกและหายใจลำบาก โรคปอดอักเสบเกิดได้กับผู้ป่วยทุกวัย และมีอัตราการตายสูงในผู้ป่วยที่สูงอายุและผู้ป่วยที่เป็นโรคปอดเรื้อรัง แม้ว่าโรคนี้จะมีอันตรายร้ายแรง แต่ถ้าได้รับการรักษาที่ถูกต้องก็มักจะหายขาดได้ ดังนั้นหากสงสัยว่าป่วยเป็นโรคนี้ควรรีบปรึกษาแพทย์

โรคที่ห้า โรคไข้หวัดนก ที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่อาศัยอยู่ในนกและ สามารถแพร่กระจายได้โดยทางอุจจาระและสารคัดหลั่งไปสู่สิ่งแวดล้อม คน และสัตว์ปีกอื่นๆ เช่น ไก่,เป็ด,ไก่งวง เป็นต้น อาการของโรคได้แก่ เจ็บคอ, ไอ, มีไข้, และอาจมีอาการทางระบบทางเดินหายใจแบบเฉียบพลัน หรือมีอาการรุนแรงถึงขั้นปอดบวมได้ โดยเฉพาะในเด็กและผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตามอาการของโรคไข้หวัดนกขึ้นอยู่กับการติดเชื้อของไวรัสต่างๆ วิธีการป้องกันคือ หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีกที่ป่วย

และสุดท้าย โรคหืดที่มีการอักเสบเรื้อรังของหลอดลม เป็นผลให้มีเซลล์ต่างๆ มาสะสมที่เยื่อบุผนังหลอดลม เยื่อบุผนังหลอดลมจึงมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารภูมิแพ้ ทำให้เยื่อบุผนังหลอดลมมีการหนาตัว กล้ามเนื้อหลอดลมมีการหดเกร็งตัว ผู้ป่วยจะมีอาการไอ, แน่นหน้าอก, หายใจมีเสียงหวีดและหอบเหนื่อย ผู้ที่มีอาการดังกล่าวควรหลีกเลี่ยงฝุ่นละอองและสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ตลอดจนติดตามรักษากับแพทย์อย่างสม่ำเสมอ

"โรคระบบการหายใจมีผลกระทบต่อชีวิตคนไทยมาก ทั้งด้านคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจ ในปัจจุบันนี้ อัตราการป่วยด้วยโรคระบบการหายใจมีเพิ่มมากขึ้นและถูกจัดให้เป็นโรคร้ายแรงที่ก่อให้เกิดการสูญเสียและปัญหาสุขภาพอยู่ในอันดับ 4 ของประเทศไทย ในเดือนพ.ย. นี้ สมาคมฯ จึงมีการจัดงานประชุมโรคระบบการหายใจภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 13 ขึ้น โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญเข้าร่วมประชุมกว่า 2,000 คน จากกว่า 40 ประเทศทั่วโลกมาแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในเรื่องโรคระบบการหายใจและนวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อพัฒนาการรักษาผู้ป่วยโรคนี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 19-22 พ.ย.นี้" ศ.นพ.อรรถ สรุป

* ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9510000074852