สูติแพทย์จุฬาฯแนะนำว่าปัจจุบันมีการพัฒนายาเม็ดคุมกำเนิดชนิดใหม่ ที่มีฮอร์โมนใกล้เคียงธรรมชาติ ส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายต่ำ ถึงแม้วิธีการคุมกำเนิดจะมีหลายวิธีด้วยกัน แต่วิธีที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด ซึ่งมีหลายชนิด ทั้งฮอร์โมนรวม และฮอร์โมนเดี่ยว แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนายาเม็ดคุมกำเนิดชนิดใหม่ ที่มีฮอร์โมนใกล้เคียงธรรมชาติ ไม่ส่งผลต่อร่างกายเมื่อรับประทานติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
รศ.นพ.อรรณพ ใจสำราญ หัวหน้าหน่วยวางแผนครอบครัวและอนามัยการเจริญพันธุ์ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จากการศึกษาพบว่า ยาเม็ดคุมกำเนิด เป็นวิธีการคุมกำเนิดที่นิยมใช้มากที่สุดทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทยด้วย ส่วนมากแล้วยาเม็ดคุมกำเนิดที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็นยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดที่เรียกว่า ฮอร์โมนรวม ซึ่งเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ที่ทำเลียนแบบฮอร์โมนที่อยู่ในร่างกายของผู้หญิง คือ ฮอร์โมนเอสโตรเจน และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน และใช้กันมานานเกิน 50 ปีแล้ว มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง
แม้ว่ายาเม็ดคุมกำเนิดในปัจจุบันจะมีการพัฒนาจนมีความปลอดภัยสูง มีปริมาณฮอร์โมนต่ำแล้วก็ตาม แต่ยังพบว่า มีผู้หญิงส่วนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการรับประทานยาคุมกำเนิด เนื่องจากเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ โดยเฉพาะผลกระทบที่เกี่ยวเนื่องกับเมตาบอลิซึ่ม หรือกระบวนการเผาผลาญต่างๆ โดยเฉพาะกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับไขมัน และน้ำตาลในร่างกาย ซึ่งผู้หญิงที่กินยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดนี้จะมีโอกาสที่ไขมันในเลือดเปลี่ยนแปลงไป เช่น เปลี่ยนแปลงไปในทางที่จะก่อให้เกิดปัญหาของโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดต่างๆ ตามมา หรือในแง่ของผลกระทบทางด้านกระบวนการเผาผลาญน้ำตาล เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเบาหวานในผู้หญิงบางคน เป็นต้น หรือแม้กระทั่งผลกระทบในเรื่องการแข็งตัวของเลือด กระตุ้นให้มีกลไกการแข็งตัวของเลือดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งล้วนแล้วเป็นผลมาจากฮอร์โมนสังเคราะห์ทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงที่ใช้เป็นระยะเวลานานๆ ก็จะมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น
รศ.นพ.อรรณพ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีการพัฒนานวัตกรรมยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดใหม่ เป็นยาเม็ดคุมกำเนิด ชนิดฮอร์โมนใกล้เคียงธรรมชาติ เป็นเอสโตรเจนแบบเดียวกับที่มีในร่างกายมนุษย์ ซึ่งก็จะเหมือนกับธรรมชาติ ข้อดีของยาเม็ดคุมกำเนิดตัวใหม่นี้คือประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนเหมือนกับร่างกายมนุษย์ การหลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นสังเคราะห์น่าจะดีกับร่างกายผู้หญิง ดังนั้นในแง่ผลกระทบต่างๆ ในร่างกายก็จะน้อยลงกว่าเดิม ทั้งผลต่อไขมัน ผลต่อน้ำตาล ผลต่อกลไกการแข็งตัวของเลือด โดยหลักการแล้วจะปลอดภัยมาก โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้เป็นเวลานาน ทั้งยังมีฮอร์โมนโปรเจสโตรเจนชนิดใหม่ที่มีระยะเวลาการออกฤทธิ์นาน หากลืมรับประทาน โอกาสตั้งครรภ์ก็จะน้อย หากผู้หญิงที่ต้องการจะมีบุตร หลังจากหยุดยาก็สามารถมีได้ตามปกติ
แม้ในปัจจุบันยาเม็ดคุมกำเนิดโดยทั่วไปจะมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยมากขึ้นในระดับที่น่าพอใจ แต่จะดีกว่าไหม หากเราสามารถหลีกเลี่ยงให้สารสังเคราะห์เข้าสู่ร่างกายได้น้อยที่สุด
* ขอบคุณข้อมูลจาก : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
