นัดพบแพทย์

ปัญหา ผิวขาดน้ำ

25 Aug 2016 เปิดอ่าน 4103

กลไกการรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนัง ด้วยคุณสมบัติของเซลล์ผิวหนังชั้นนอก หรือเซลล์ชั้นขี้ไคล ช่วยให้ผิวหนังสามารถเก็บรักษาน้ำไว้ได้ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันเชื้อโรค สารพิษทั้งจากธรรมชาติและที่มนุษย์ผลิตขึ้นและยังมีคุณสมบัติรักษาความชุ่ม ชื้น คือน้ำไว้ในและนอกเซลล์ ความ ชุ่มชื้นของผิวหนังที่พอเหมาะ คือ สภาวะที่ผิวหนังสามารถรักษาระดับน้ำให้คงอยู่ในเซลล์ผิวหนัง และระหว่างเซลล์ผิวหนังกำพร้าได้อย่างสมดุล ผิวหนังจะชุ่มชื้น เรียบ นุ่มเนียน เต่งตึงและไม่เป็นขุย นอกจากนี้ระดับน้ำในชั้นหนังกำพร้ายังสัมพันธ์กับระดับน้ำในชั้นหนังแท้ ด้วย 

ผิวหนังมีกลไกรักษาความชุ่มชื้นดังนี้

1. เซลล์ชั้นนอกสุด หรือที่เรียกว่าชั้นขี้ไคล เป็นเซลล์ที่ไม่มีชีวิต มีไขมันหุ้มภายนอก ถัดไปเป็นชั้นโปรตีนเป็นปลอกหุ้มเซลล์ผิวหนังชั้นนี้อีกชั้น และมีโปรตีนที่เรียกว่า เคอราติน เป็นส่วนประกอบภายในเซลล์ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้น้ำทะลุผ่านเซลล์ผิวหนังออก สู่ภายนอก

2.ชั้นไขมันแทรกอยู่ระหว่างเซลล์ผิวหนังชั้นขี้ไคล ทำหน้าที่ปิดกั้นไม่ให้น้ำในร่างกายซึมผ่านช่องระหว่างเซลล์ผิวหนังออกสู่ภายนอก

3. ไขมันจากต่อมไขมัน ที่หลั่งสารไขมันออกตามรูขุมขน สารไขมันจะแผ่อออกเคลือบผิวของชั้นหนังกำพร้า ป้องกันไม่ให้น้ำซึมผ่านเซลล์และช่องว่างระหว่างเซลล์ออกสู่ภายนอก

สรุปได้ว่า การรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนังอาศัยคุณสมบัติของผิวหนังชั้นขี้ไคล ชั้นไขมันที่แทรกอยู่ระหว่างเซลล์ผิวหนังชั้นขี้ไคล และต่อมไขมันที่ผลิตน้ำมันมาเป็นเกราะไม่ให้น้ำซึมผ่านออกสู่ภายนอกผิวได้ นอกจากนี้ยังมีสารรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังตามธรรมชาติ (NMF) สารต่างๆ เหล่านี้ส่วนใหญ่ คือ กรดอะมิโน อนุพันธุ์กรดอะมิโนและเกลือของกรดอะมิโน เป็นสารรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง สารเหล่านี้ ได้แก่ 1. Sodium-PCA 2. Urea 3. Lactic acid จากความรู้เรื่องสารรักษาความชุ่มชื้นตามธรรมชาตินี้ ได้มีการนำสารดังกล่าว มาผสมในครีมบำรุงประเภท moisturizers ชนิดต่าง ๆ

ผิวขาดน้ำมีลักษณะอย่างไร เมื่อผิวหนังสูญเสียน้ำไปจะทำให้เกิดผิวแห้ง มีลักษณะ ดังนี้ 

1. หยาบ (Feeling rough) อาการแรกที่พบ
2. เป็นขุย (Scaly) เมื่อขาดน้ำมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
3. แตก (Cracked) เมื่อขาดน้ำมากที่สุด

ทำไมผิวจึงขาดน้ำ

ผิว ขาดน้ำเป็นผลจากการเสียน้ำออกจากผิวหนัง เกิดจากกลไกสำคัญ 3 ประการ โดยอาจเป็นผลจากกลไกใดกลไกหนึ่งหรือเกิดจากทั้ง 3 กลไก พร้อม ๆ กันได้ ดังนี้

1.ผิวลอกเป็นขุยจากความผิดปกติในการสร้าง ทำให้เสียเสียความสามารถในการรักษาน้ำไว้ที่ผิวหนัง 

2.ชั้นหนังกำพร้ามีการหมุนเวียนเร็วกว่า ปกติทำให้ไม่มีเวลาพอในการสร้างผิวหนังชั้นนอกสุดหรือชั้นขี้ไคลที่สมบูรณ์ ได้ หนังกำพร้าชั้นนอกสุดมีส่วนประกอบเป็นชั้นไขมันแทรกอยู่ระหว่างเซลล์ผิว หนังชั้นขี้ไคล เมื่อผิวหนังที่มีการหมุนเวียนรวดเร็วจะไม่สามารถสร้างชั้น ไขมันได้ทัน จึงเสียความสามารถในการรักษาน้ำให้คงอยู่ในผิวหนัง มักพบใน ผู้ที่มีการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลัดผิวในความเข้มข้นสูงและใช้ติดต่อกัน เป็นเวลานาน ผิวจะมีลักษณะบาง แดงง่าย

3. มีการทำลายของผิวหนังชั้นหนังกำพร้าจากสารเคมี เช่น detergents ทำให้สูญเสียไขมันชั้นหนังกำพร้าไป เป็นผลให้ผิวหนังสูญเสียน้ำออกสู่สิ่งแวดล้อมได้ง่ายขึ้น

การดูแลรักษาภาวะผิวขาดน้ำ

ผิวหนังจะดูสวยงามและไม่เกิดโรค ถ้าผู้เป็นเจ้าของสามารถรักษาสมดุลของน้ำในผิวหนังกับสภาพแวดล้อมได้ ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการดูแลป้องกันและรักษาผิวหนังมี 4 ประการได้แก่

1. สภาวะแวดล้อม สภาวะแวดล้อมรอบตัวเรามีอิทธิพลต่อการเกิดผิวแห้งอย่างมาก 

2. ลักษณะผิวหนังของแต่ละบุคคลว่าแห้งมากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้ขึ้นกับพันธุกรรมของแต่ละคนว่าลักษณะผิวเป็นอย่างไรถ้า ผิวหนังแห้งไม่มากก็จัดเป็นคนผิวแห้งอย่างไม่เป็นโรค ถ้าลักษณะทางพันธุกรรมมีความผิดปกติมากก็เกิดโรคผิวแห้ง เช่น เด็กที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ / โรค itchtyosis

3. อายุ เมื่ออายุย่างเข้าวัยทองต่อมไขมันและเซลล์ผิวหนังจะสร้างสารไขมันลดลง ทำให้เกิดลักษณะผิวแห้งจึงจำเป็นต้องใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์เคลือบผิว

4. พฤติกรรมและการดำเนินชีวิตของแต่ละบุคคล บุคคลใดที่ชอบล้างมือบ่อย ฟอกตัวด้วยสบู่ที่เป็นด่างนาน ออก แดดประจำ หรือทำงานกลางแจ้ง ทั้งสารเคมี แสงแดด ลม ความชื้นในบรรยากาศจะมีอิทธิพลต่อการเสียน้ำออกจากผิวหนังจะส่งเสริมให้เกิด ภาวะผิวหนังแห้ง

สำหรับคนที่ผิวมันแต่ขาดน้ำ หรือที่เรียกกันว่า ผิวมันขาดน้ำ นั้น หมายถึง ผิวภายนอกมีลักษณะมัน แต่ภายในผิวจริงๆ นั้นขาดน้ำหรือความชุ่มชื้น สาเหตุของการขาดน้ำ สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ บทความของร้าน

อาการแสดงของผิวมันขาดน้ำ 

1. ผิวภายนอกมีน้ำมันออกมาเคลือบ 

2. เมื่อดูผิวใกล้ๆจะเห็นริ้วๆหรือกร้านๆ (ลองนึกภาพเวลาที่เราอยู่ใกล้ความร้อนนานๆ เช่น เวลาอยู่หน้าเตาตอนทำกับข้าว) 

3. ลูบผิวดูจะรู้สึกว่าผิวไม่นุ่มเนียน ไม่เรียบ ถ้าเป็นมากอาจรู้สึกว่าผิวสากๆ 

4. อาการจะเป็นมากประมาณสายๆหรือช่วงบ่ายของวัน พอซับมันแล้วเติมแป้งจะไม่เรียบเนียนเหมือนแต่งตอนเช้า ผิวขาดน้ำ เกี่ยวกับ ผิวมัน อย่างไร เมื่อผิวขาดน้ำ ก็เสมือนว่าผิวขาดความชุ่มชื้น ผิวจะพยายามผลิตน้ำมันออกมาเพื่อชดเชยความชุ่มชื้นที่เสียไป (ซึ่งเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุ) จึงทำให้ผิวมีความมันมากกว่าปกติ ทั้งๆที่อาการขาดน้ำยังไม่ได้รับการแก้ไข หากปล่อยไว้นานจะทำให้ผิวหนังสูญเสียการทำงาน ขาดความกระชับ ยืดหยุ่น และนำไปสู่ผิวอ่อนแอในที่สุดคะ มาดูกันคะว่า ผิวคุณ ขาดน้ำหรือเปล่า ลองนับข้อเหล่านี้ดู ตรงกับตัวคุณมากเท่าไร แสดงว่าผิวคุณมีความเสี่ยงที่จะ " ขาดน้ำ" มากเท่านั้น 1.ดื่มน้ำน้อย 2.อยู่ในห้องแอร์เป็นส่วนใหญ่ 3.ชอบอาบน้ำอุ่น 4.ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวเป็นประจำซึ่งมักพบใน ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยทำให้ผิวขาว 

5.หลังจากล้างหน้าแล้วไม่รีบทา moisturizer ทันที 

6.ไม่ค่อยใส่ใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้นได้หรือไม่ 

7.ทาครีมบำรุงแล้วยังรูสึกว่าผิวสาก กร้าน (อาจมีขุยหรือไม่มีขุย) แต่ก็ยังมีน้ำมันออกมาเคลือบผิวตลอดเวลา ยิ่งซับก็ยิ่งมัน 

8. ไม่ค่อยชอบทากันแดดหรือชอบลืมทาครีมกันแดด 

9. ใช้ผลิตภณฑ์ล้างหน้าที่มีฤทธิ์ในการชะล้างรุนแรง 

10. อายุมากกว่า 25 ปี 



ที่มา : โดย รศ.นพ.ป่วน สุทธิพินิจธรรม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
 
* ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.carlyncosmetology.com/content--3-5353-76277-1.html