นัดพบแพทย์

ภาวะไอ จาม ปัสสาวะเล็ด

11 Aug 2016 เปิดอ่าน 2776

มีสตรีจำนวนมากที่ได้รับความเดือดร้อนจากอาการไอ จาม และมีปัสสาวะเล็ด หลายคนไม่กล้าที่จะพูดถึงเพราะอาย จะหายจากอาการอย่างนี้ได้อย่างไร เรามีความรู้มาฝากครับ

ภาวะไอ จาม และปัสสาวะเล็ด โดยไม่ตั้งใจ และไม่สามารถควบคุมได้นั้น เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในสตรีทั่วไป และมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต สาเหตุมาจากกล้ามเนื้อหูรูดท่อปัสสาวะเสื่อมประสิทธิภาพ ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ซึ่งปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะนี้ ได้แก่ อายุ ในสตรีที่อายุมากขึ้นจะพบอุบัติการณ์ของภาวะนี้ได้มากขึ้น

การตั้งครรภ์ ในขณะตั้งครรภ์จะพบภาวะปัสสาวะเล็ดได้ในบางราย แต่เป็นการเกิดชั่วคราวและอาจจะหายได้หลังจากคลอดบุตรแล้ว

การคลอดบุตร มักพบในรายที่ทารกคลอดผ่านช่องคลอด และสัมพันธ์กับระยะเวลาคลอด โดยเฉพาะถ้าทารกที่มีน้ำหนักแรกคลอดมาก จำนวนบุตรที่มากขึ้น จะเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้นตามลำดับ

ภาวะที่เพิ่มความดันในช่องท้อง ได้แก่ ความอ้วน ไอ จาม หอบเรื้อรัง ท้องผูก ยกของหนักเป็นประจำ

ในเบื้องต้นแพทย์จะวินิจฉัย โดยการซักประวัติและตรวจร่างกาย หรือตรวจภายในหรือส่งตรวจพิเศษเพื่อยืนยันว่ามีภาวะนี้จริงแล้วจึงทำการรักษา ซึ่ง การรักษามีตั้งแต่

1.การปรับพฤติกรรม เช่น การลดน้ำหนักรักษาอาการไอ จามเรื้อรัง แก้ไขภาวะท้องผูก

2.โดยการบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ด้วยการขมิบช่องคลอด ซึ่งสามารถทำได้ในทุกอริยาบถ โดยการขมิบที่ถูกต้องต้องขมิบเฉพาะกล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกรานเท่านั้น คล้ายกับเวลากลั้นอุจจาระ หรือปัสสาวะ โดยไม่เกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องหรือต้นขาร่วมด้วย ขมิบแต่ละครั้งทำค้างไว้ 10-20 วินาที แล้วคลายออกในเวลาเท่ากัน แล้วจึงเริ่มขมิบใหม่ สามารถทำได้บ่อยเท่าที่ต้องการ โดยระยะแรกอาจทำเพียงน้อยครั้งแล้ว จึงเพิ่มขึ้นทั้งระยะเวลาและความถี่เมื่อชำนาญมากขึ้น อย่างไรก็ตามหากท่านไม่แน่ใจว่าจะขมิบได้ถูกต้องหรือไม่ สามารถปรึกษาแพทย์ได้

3.การใช้กระแสไฟฟ้ากระตุ้นกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานให้หดรัดตัว ใช้สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถเกร็งกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานด้วยตนเองได้หรือทำได้ไม่ถูกวิธี วิธีนี้จำเป็นต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ

ซึ่งการรักษาทั้ง 3 วิธี เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง อาการจะดีขึ้นภายใน 3-6 เดือน แต่ถ้ารักษาแล้วอาการไม่ดีขึ้น ต้องใช้ การผ่าตัด เข้าช่วย ซึ่งมีอยู่ 2 วิธีด้วยกัน

1.การผ่าตัดผ่านทางหน้าท้อง โดยการเย็บซ่อมแซมและตึงเนื้อเยื่อรอบท่อปัสสาวะเข้าเอ็นที่ยึดบริเวณใกล้เคียงให้มีความแข็งแรงขึ้น

2.โดยใช้วัสดุเทปสังเคราะห์ผ่านทางช่องคลอด แล้ววางที่ใต้ต่อท่อปัสสาวะเพื่อเสริมความแข็งแรง วิธีนี้ได้รับความนิยมในปัจจุบันเมื่อเทียบกับการผ่าตัดทางหน้าท้อง เนื่องจากทำได้รวดเร็ว สะดวก ฟื้นตัวเร็ว และยังไม่มีแผลหน้าท้อง

แต่ไม่ว่าจะเป็นวิธีใด อย่ากลัวอย่าอาย หมอช่วยได้ครับ

ผศ.นพ.พิชัย ลีระศิริ

* ขอบคุณข้อมูลจาก : https://ascannotdo.wordpress.com