นพ. พิเชฐ ผนึกทอง หัวหน้าศูนย์สูติ-นรีเวช โรงพยาบาลปิยะเวท กล่าวว่า ในระหว่างตั้งครรภ์ คุณแม่ควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากการดำรงชีวิตประจำวัน หรือภาวะโรคที่แฝงตัวอยู่ อาจทำให้คุณแม่เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะต่างๆ ที่ผิดปกติ ซึ่งกระทบกับการตั้งครรภ์ได้ ทั้งนี้ ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีทางการแพทย์ ทำให้คุณพ่อและคุณแม่สามารถตรวจดูทารกในครรภ์ได้อย่างชัดเจน ด้วยเครื่องอัลตราซาวด์ 4 มิติ ซึ่งให้ภาพที่ละเอียดและมีคุณภาพสูง อีกทั้งปัจจุบันสามารถตรวจคัดกรองความผิดปกติทางพันธุกรรม หรือโครโมโซมของทารกในครรภ์ได้ตั้งแต่ 1-2 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ ขณะเดียวกันแพทย์ยังช่วยวางแผนการคลอดล่วงหน้า และช่วยดูแลภายหลังการคลอดบุตร เพื่อช่วยให้ผู้หญิงทุกคนมีความมั่นใจในรูปร่างและสุขภาพหลังคลอด ตลอดจนรักษาภาวะผู้ที่มีบุตรยากโดยแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และการตรวจหาความผิดปกติของโครโมโซม จะเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ให้สูงขึ้น
"สำหรับการดูแลสุขภาพครรภ์ และการป้องกันการเกิดโรคแทรก ซ้อนในครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตั้งครรภ์ว่า คุณแม่สามารถตั้งครรภ์ได้หรือไม่ เพราะโรคบางโรค เช่น ธาลัสซีเมีย หรือภูมิคุ้มกันบางอย่าง เช่น ตับอักเสบ หัดเยอรมัน เป็นความเสี่ยงของเด็กในครรภ์ หากตรวจในตัวคุณแม่ตั้งแต่แรก ก่อนจะตั้งครรภ์ก็สามารถแก้ไขก่อน ซึ่งตรงนี้ก็ช่วยได้ส่วนหนึ่ง"
ทั้งนี้ การเตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะสารอาหารบางตัว อย่างโฟเลตมีความสำคัญมาก ที่คุณแม่มักจะไปรับประทานตอนตั้งครรภ์แล้ว ซึ่งความจริงก่อนตั้งครรภ์สำคัญมาก เพราะถ้าคุณแม่ตั้งครรภ์ขาดสารอาหารตัวนี้ ลูกที่คลอดออกมาจะมีโอกาสเสี่ยงในเรื่องของกระดูกสันหลังผิดปกติเกิดขึ้น และเมื่อใดที่ประจำเดือนขาด ตรวจปัสสาวะขึ้นสองขีดจางๆ หรือสองขีดชัดๆ ให้รีบไปหาหมอทันที เพื่อดูว่าครรภ์ผิดปกติหรือไม่ เพราะช่วงแรกของการตั้งครรภ์มีความเสี่ยงเกิดการแท้งบุตรได้สูง
ขอบคุณบทความจาก : http://www.piyavate.com/article/frontend/article_detail/id/439
