นัดพบแพทย์

เมื่อลูกตัวเหลืองทำไงดี

11 May 2017 เปิดอ่าน 3596

อาการตัวเหลืองในเด็กแรกเกิด

แม้ว่าอาการตัวเหลืองในเด็กแรกเกิดจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติก็ตาม แต่แม่ๆ หลายคนก็ยังกังวลและสงสัยว่า อาการเช่นนี้มีสาเหตุมาจากอะไรกัน เม็ดเลือดแดงที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในเด็กที่เพิ่งเกิดใหม่นั้น จะถูกทำลายและเปลี่ยนเป็น “บิลิรูบิน” สารสีเหลืองที่อยู่ในกระแสเลือด เมื่อเม็ดเลือดแดงเหล่านั้นหมดอายุแล้ว แต่การทำงานของตับในเด็กเล็กยังทำงานได้ไม่ดีพอ จึงไม่สามารถกำจัดเจ้าบิลิรูบินออกจากร่างกายได้หมด ทำให้สารสีเหลืองคงค้างอยู่ในกระแสเลือดและเกิดการสะสมอยู่ตามผิวหนัง

ด้วยเหตุนี้เอง อาการตัวเหลืองตาเหลืองจึงแสดงออกมาให้เห็นใน 2 ลักษณะ คือ ชนิดที่ปกติและไม่ปกติ หากลูกเป็นตัวเหลืองแบบปกติคงไม่เป็นอะไร แต่ถ้าเป็นชนิดที่ไม่ปกติ ก็ควรรีบพาไปพบแพทย์ การสังเกตอาการจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่แม่ควรรู้

ชนิดปกติ

-มีอาการตัวเหลืองหลังคลอด 2-3 วัน และค่อยๆ เหลืองเพิ่มขึ้น จนกระทั่งปลายสัปดาห์แรกถึงสัปดาห์ที่สองจึงมีอาการตัวเหลือมากที่สุด

-ไม่มีอาการซึมหรือดูดนมไม่ดี

-ขับถ่ายทั้งอุจจาระและปัสสาวะปกติ

-อาการตัวเหลืองค่อยๆ ลดลงได้เอง

-เด็กที่กินนมแม่อย่างเดียวอาจตัวเหลืองมากและนานกว่าเด็กที่กินนมผสมอย่างเดียว ไม่มีอันตราย แต่ควรได้รับการตรวจและติดตามผลโดยแพทย์ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก

 ชนิดไม่ปกติ

-เด็กมีอาการตัวเหลือง เมื่อมองด้วยตาเปล่าภายในวันแรกหลังคลอด ลักษณะแบบนี้พบได้ในเด็กที่มีกรุ๊ปเลือดไม่เข้ากับแม่

-มีอาการตัวเหลืองร่วมกับอาการไม่สบายบางอย่าง เช่น ซึม ร้องกวนมากกว่าปกติ หรือร้องเสียงแหลมผิดปกติ ดูดนมได้ไม่ดี ท้องอืด ท้องเสีย

-มีอาการตัวเหลืองร่วมกับถ่ายอุจจาระสีเหลืองซีด

-เมื่อพิจารณาตามอายุแล้ว เด็กมีอาการตัวเหลืองมากกว่าเกณฑ์ปกติ

กลุ่มเสี่ยงต่อภาวะตัวเหลืองรุนแรง

-เด็กที่เกิดก่อนกำหนด

-เด็กที่มีน้ำหนักตัวน้อยหรือมากกว่าเกณฑ์ปกติ

-เด็กที่มีหมู่เลือดไม่เข้ากับแม่

-เด็กที่มีอาการตัวแดงจัด เพราะมีเม็ดเลือดแดงเข้มข้นกว่าปกติ

-เด็กที่มีประวัติว่าพี่มีอาการตัวเหลืองมากจนต้องได้รับการรักษา

-เด็กที่ได้รับนมแม่อย่างเดียว แต่แม่มีน้ำนมน้อยหรือให้นมไม่เพียงพอ จนเด็กน้ำหนักตัวลดลงมาก

-เด็กที่มีเลือดขังหรือมีลักษณะช้ำบริเวณหนังศีรษะ ซึ่งเกิดจากการคลอดยากหรือต้องใช้เครื่องมือแพทย์ช่วยในการคลอด เช่น เครื่องดูดสูญญากาศ คีม ฯลฯ

-เด็กที่มีอาการเจ็บป่วยร่วมด้วย

 การรักษา

ความเชื่อแต่โบราณ ว่ากันว่าหากเด็กตัวเหลือง นอกจากการได้รับนมแม่ ควรให้น้ำในปริมาณมาก ซึ่งความจริงแล้ว การทำเช่นนั้นอาจทำให้เด็กตัวเหลืองมากและนานขึ้น เพราะได้รับอาหารไม่พอและทำให้ขี้เทาค้างอยู่ในลำไส้นานเกินไป ส่วนการพาไปอาบแดดอ่อนตอนเช้า ซึ่งเป็นอีกวิธีที่นิยมทำกัน อาจได้ผลอยู่บ้าง แต่ถ้าเด็กตัวเหลืองแบบไม่ปกติ วิธีนี้อาจไม่ทันการ ควรที่จะได้รับการรักษาด้วยวิธีดังนี้

1.การส่องไฟ เป็นการใช้แสงบำบัดด้วยหลอดไฟสีฟ้าเข้ม โดยจะส่องไฟตลอดเวลา ยกเว้นช่วงที่แม่ให้นม นับเป็นการรักษาที่ไม่มีผลเสียหรืออันตรายกับเด็ก ใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน จนระดับการตัวเหลืองลดลงจึงหยุดการรักษาได้ แต่กรณีที่เด็กขาดน้ำหรือไม่สามารถกินนมได้อย่างเพียงพอ อาจต้องให้น้ำเกลือร่วมด้วย

2.การเปลี่ยนถ่ายเลือด เด็กจะได้รับการรักษาด้วยวิธีนี้ก็ต่อเมื่อแพทย์วินิจฉัยแล้วพบว่า มีอาการตัวเหลืองรุนแรงมาก เนื่องจากเม็ดเลือดแดงถูกทำลายอย่างรวดเร็ว เช่น กรณีที่หมู่เลือดของแม่กับลูกไม่เข้ากัน ฯลฯ รวมถึงรักษาด้วยการส่องไฟแล้วไม่ได้ผล

 หากเด็กอยู่ในภาวะตัวเหลืองรุนแรงแล้วไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้เสียชีวิต หรือเกิดความพิการที่สมองอย่างถาวร มีอาการหูตึงหรือหูหนวกได้ การป้องกันที่ดีที่สุดคงจะเป็นการให้นมกับทารกอย่างเพียงพอ นอกจากนี้ควรสังเกตอาการหลังกลับบ้าน แม้คุณแม่มือใหม่อาจเป็นช่วงชุลมุนวุ่นวายหลายอย่าง 

ผศ.นพ.ปราโมทย์ ไพรสุวรรณา กุมารแพทย์

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.khanpak.com/content/33986/