กระเพาะปัสสาวะอักเสบคือการติดเชื้อโรคของกระเพาะปัสสาะซึ่งสาดหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดแกรมลบ (Gram negative bacilli) กระเพาะปัสสาวะอักเสบส่วนใหญ่จะเกิดในผู้หญิงโดยเฉพาะในวัยเจริญพันธุ์ ในผู้ชายก็สามารถเกิดโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้แต่จะพบได้น้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับผู้หญิง
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบที่พบบ่อยๆในผู้หญิงคือ การกลั้นปัสสาวะ เนื่องจากท่อปัสสาวะในเพศหญิงจะสั้นกว่าในเพศชาย โอกาสที่จะเกิดโรคการะเพาะปัสสาวะอักเสบจึงมากกว่า ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เช่นผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของทางเดินปัสสาวะได้แก่ท่อปัสสาวะตีบ ผู้ป่วยที่เป็นโรคต่อมลูกหมากโต มะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นนิ่วของระบบทางเดินปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะทำ งานผิดปกติจากการทำงานของระบบประสาท หรือการที่ผู้ป่วยต้องใส่สายสวนท่อปัสสาวะเป็นต้น
อาการและอาการแสดงของผู้ป่วยโรคการะเพาะปัสสาวะอักเสบได้แก่อาการปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะบ่อยขึ้น ความรุนแรงของความรู้สึกปวดปัสสาวะมากขึ้น บางคนอาจมีอาการปวดท้องน้อยหรืออาการปัสสาวะเป็น เลือด หรือปัสสาวะมีกลิ่นเหม็นมากกว่าปกติ เป็นต้น การตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการติดเชื้อของ ระบบทางเดินปัสสาวะได้แก่ การตรวจปัสสาวะด้วยกล้องจุลทรรศน์ ซึ่งสามารถตรวจพบ เม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง หรือแบคทีเรียในปัสสาวะได้ ในผูป่วยบางรายอาจได้รับการตรวจเพาะเชื้อปัสสาวะเพื่อหาเชื้อ โรคที่เป็นสาเหตุในกรณีที่ผูป่วยได้รับการรักษาแล้วอาการต่างๆยังไม่ดีขึ้น
การรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หลังจากแพทย์ได้ทำการซักประวัติและตรวจร่างกายผู้ป่วยและทำการตรวจปัสสาวะเพื่อยืนยันการวินิจฉัยโรคแล้ว ผู้ป่วยจะได้ยาปฏิชีวนะเพื่อการรักษา เป็นเวลา 3-5วัน การปฏิบัติของผู้ป่วยได้แก่ การเพิ่มปริมาณน้ำที่ดื่มให้มากขึ้น ลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆเช่นงดการกลั้นปัสสาวะเป็นต้นถ้าผู้ป่วยทานยาปฏิชีวนะอย่างสม่ำเสมอเป็นเวลา 3-5 วัน แล้วอาการยังไม่ดีขึ้นควรมาพบแพทย์ซ้ำเนื่องจาก ในผู้ป่วยบางรายอาจเกิดโรคกระเพาะอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียที่ดื้อต่อยาที่ให้ได้
ในผู้ป่วยกระเพาะปัสสาวะอักเสบอาจมีภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้แก่โรคกรวยไตอักเสบ ซึ่งเกิดจากเชื้อโรคที่อยู่ในกระเพาะปัสสาวะขึ้นไปถึงกรวยไตและทำให้เกิดการติดเชื้อตามมาได้ ผู้ป่วยเหล่านี้จะมีอาการไข้ สูง หนาวสั่น ปวดเอว คลื่นไส้อาเจียนเป็นต้น หากไม่ได้รับการรักษามีโอกาสเสียชีวิตได้
ในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเช่นเบาหวาน หรือมีความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะ หากมีอาการดังกล่าวควรพบแพทย์โดยเร็วเนื่องจากมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนมากกว่าผู้ป่วยทั่วไปและมีโอกาสเสียชีวิตสูงกว่า
สรุปผู้ป่วยที่มีอาการปัสสาวะผิดปกติดังที่กล่าวมาข้างต้นควรลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะปัสสาวะ อักเสบได้แก่ การหลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะ ดื่มน้ำเพิ่มขึ้น และมาพบแพทย์เพื่อให้ได้การวินิจฉัยและรับการ รักษาต่อไป ควรหลีกเลี่ยงการซื้อยารับประทานเองเนื่องจากหากได้รับยาในระยะเวลาที่ไม่นานพอจะทำให้อาการไม่ดีขึ้นและมีโอกาสเกิดเชื้อโรคดื้อยาได้ หากมีอาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดเอว ควรมาพบแพทย์โดยทันที
โดย : นพ. ฐิตวัฒน์ วงศ์อัมพรพัฒน์
ขอบคุณบทความจาก : https://www.samitivejhospitals.com/th/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%9A/