Make Appointment

การยศาสตร์ในสำนักงาน (Office Ergonomics)

10 Jan 2017 เปิดอ่าน 4439

สุขภาพกายและสุขภาพจิต เป็น 2 สิ่งที่มีความเชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก หากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป ย่อมทำให้อีกส่วนมี ผลกระทบไปด้วย ดังนั้นเรามาใส่ใจในสุขภาพกาย ก็ต้องย่อมต้องให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตเช่นกัน

สำหรับฉบับนี้ขอแนะนำบทความดีๆของ คุณหมอจอย แพทย์หญิงสุรีรัตน์ ธีระวณิชตระกูล แพทย์วุฒิบัตร เฉพาะทางอาชีวเวชศาสตร์ จากโรงพยาบาลระยอง และ แพทย์ Part time(วันอาทิตย์) โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา เกี่ยวกับ Office Ergonomics การยศาสตร์ในสำนักงาน หรือ การดูแลสุขภาพสำหรับคนที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานานๆ

ปัจจุบันคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันของเราทุกคนมากบ้างน้อยบ้าง การทำงานกับคอมพิวเตอร์ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับคนส่วนใหญ่ เราควรปฏิบัติตัวอย่างไรจึงจะไม่มีอาการเจ็บป่วยจากการทำงานแบบนี้ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาอ่านบทความของคุณหมอจอยกันเลยครับ ^^

การทำงานในสำนักงานถึงแม้ว่าจะดูไม่หนักแต่ก็อาจทำให้เกิดโรคทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อได้เนื่องจากลักษณะของงานมักจำเป็นต้องอยู่ในท่าใดท่าหนึ่งเป็นเวลานานๆหรือมีทาาทาง การทำงานที่ไม่เหมาะสมหรือเคลื่อนไหวซ้ำซากเป็นประจำ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลเพิ่มความเครียดต่อระบบ กระดูกและกล้ามเนื้อทำให้เกิดการบาดเจ็บได้

 

                                                

 

 

การยศาสตร์(Ergonomics) คือการเรียนรู้ความสามารถและข้อจำกัดของมนุษย์ เพื่อใช้ออกแบบลักษณะและวิธีการทำงาน รวมถึงประโยชน์ ในการออกแบบทางวิศวกรรมเช่น เครื่องมือเครื่องจักรอาคารผลิตภัณฑ์สภาพแวดล้อมให้เกิดความเหมาะสม กับมนุษย์ทั้งร่างกายและจิตใจให้มากที่สุดด เพื่อให้มนุษย์สามารถทำงานได้ดีขึ้น เร็วขึ้นและต้องปลอดภัยมากขึ้น1

 การยศาสตร์ในสำนักงาน  (Office Ergonomics)  หมายถึง การจัดสภาพการทำงานในสำนักงาน ให้เหมาะสมกับพนักงาน โดยให้ความสำคัญในการจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์ เพื่อลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ โดยกล่าวถึงลักษณะท่าทาง การทำงานที่เหมาะสมกับสรีระ ทำให้สามารถทำงานได้อย่างสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพ หลีกเลี่ยงท่าทางที่สามารถก่อให้เกิดอันตราย ได้แก่การโน้มตัวไปข้างหน้า การยืดแขนมากเกินไป การนั่งเก้าอี้ที่ต่ำหรือสูงเกินไป เป็นต้น2

 เครื่องมือที่ใช้ประเมินความเสี่ยงทางการยศาสตร์บางตัวได้รับความนิยมสูง เช่น Rapid Upper Limb Assessment (RULA) ซึ่งได้รับความนิยมในการนำมาใช้ประเมินงานที่ใช้มือทำเป็นหลัก3 เครื่องมือเหล่านี้บางตัวแจกฟรีนำมาใช้ต่อได้แต่บางตัวมีลิขสิทธิ์ ต้องซื้อก่อนจึงจะนำมาใช้ได้ บางตัวมีงานวิจัยรับรองว่าได้ผลจริง บางตัวอาจไม่มีเวลาจะเลือกใช้ต้องเลือกดีๆ ในบางบริษัท มีทีมการยศาสตร์ของโรงงานซึ่งคิดค้นเครื่องมือประเมินการยศาสตร์ขึ้นมาใช้เพื่อให้จำเพาะต่องานของโรงงานตนเอง แต่มักมีลิขสิทธิ์ นำมาใช้ทั่วไปไม่ได้

สำหรับการประเมินความเสี่ยงทางการยศาสตร์จากการทำงานคอมพิวเตอร์ที่น่าสนใจคือ Rapid Office Strain Assessment (ROSA) ซึ่งเครื่องมือนี้ได้มาจากงานวิจัยของ Sonne, M.W.L et al4 ซึ่งในประเทศไทย ก็มีการนำ ROSA ไปใช้ในการประเมิน ความเสี่ยงทางการยศาสตร์ในพนักงานสำนักงานมหาวิทยาลัย5

ท่าทางการทำงานที่ถูกต้องประกอบด้วย

ศีรษะ ตั้งตรงไหล่ผ่อนคลาย

จอภาพ ควรอยู่ตำแหน่งตรงหน้าผู้ใช้จัดให้ห่างจากผู้ใช้ 40-75ซม.อยู่ระดับสายตาหรือต่ำกว่าประมาณ 15องศา ไม่มีแสงสะท้อนจากจอภาพ

เก้าอี้ ควรเป็นขนาดที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ปรับระดับ สูงต่ำได้ขอบด้านหน้าของเบาะนั่ง ควรมีลักษณะโค้ง เพื่อให้มีพื้นที่ว่างระหว่างด้านหน้าของเบาะกับด้านหลังของ หัวเข่า ความสูงของเบาะและพนักพิงจะต้องปรับได้สะโพก หัวเข่า และข้อเท้า ควรทำมุมอย่างน้อย 90 องศา พนักพิง จะต้องสัมผัสกับแผ่นหลังโดยสมบูรณ์และที่เท้าแขน สามารถช่วยพยุงแขนขณะใช้แป้นพิมพ์

แป้นพิมพ์และเมาส์ อยู่ในระยะห่างและความสูงที่พอเหมาะ ปล่อยแขนตามธรรมชาติและให้ข้อศอกอยู่ใกล้ตัว

โต๊ะ สูงจากพื้นประมาณ 65-70 ซม. และมีที่ว่างพอให้ สามารถขยับขาได้สะดวก

เท้า วางราบกับพื้นหรือวางบนที่พักเท้า

 * รูปภาพจาก : http://www.devon.gov.uk/guide_to_good_office_health.pdf และเนื้อหาจากหน่วยงานwww.exeterphysio.co.uk

    

การทำงานด้วยระยะเวลานานๆไม่ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เนื่องจากระยะเวลาในการทำงานเป็นปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้เกิดความเมื่อยล้าได้ ไม่เฉพาะที่กล้ามเนื้อส่วนต่างๆของร่างกายเท่านั้น แต่รวมไปถึงสายตาและระบบประสาทด้วย ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดต่ำลง

(ร่าง) มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมการจัดสภาพการทำงานตามหลักการยศาสตร์: การทำงานกับคอมพิวเตอร์ ได้มีข้อเสนอแนะเรื่องระยะเวลาการทำงานและระยะเวลาพัก ดังนี้6

  1. งานที่ต้องอ่านข้อมูลจากจอคอมพิวเตอร์หรือ ใช้แป้นพิมพ์ตลอดเวลา ควรทำติดต่อกันเพียง 50 นาทีและพัก 10 นาที นอกจากนี้การใช้คอมพิวเตอร์มากกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดความผิดปกติของระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ เนื่องจากการทำงานได้จึงควรพักให้บ่อยขึ้นในกรณีที่จำเป็นต้องใช้งานคอมพิวเตอร์มากกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน
  2. ในช่วง 50 นาทีในการใช้คอมพิวเตอร์หากมีอาการล้าสายตา ควรหมั่นพักสายตาเป็นระยะ โดยใช้กฎ 20-20-20 คือ พักสายตาหลังจากใช้คอมพิวเตอร์นานติดต่อกัน 20 นาทีโดยมองออกไปไกล 6 เมตร นานอย่างน้อย 20 วินาทีเพื่อผ่อนคลาย กล้ามเนื้อตา หรือ อาจใช้วิธีการหลับตาเพื่อพักสายตานาน 20 วินาที
  3. ควรทำงานอย่างอื่นร่วมไปด้วย เพื่อลดระยะเวลาในการทำงานกับคอมพิวเตอร์ให้น้อยลง

 

 

References : 

  1. นริศ เจริญพร. การยศาสตร์. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2543.
  2. สสิธร เทพตระการพร . ปัญหาและความเสี่ยงของผู้ปฏิบัติงานในสำนักงาน . [ออนไลน์]. 2554. แหล่งที่มา: http://kcenter.anamai.moph.go.th/download.php?info_id=1597&download_file=pdf/b30ab08ca1004b221b6767a4261846a3.pdf [2558, 28 สิงหาคม]
  3. McAtamney, L. and Corlett, E.N. RULA: a survey method for the investigation of work-related upper limb disorders. Applied Ergonomics 1993; 24, 91-99.

     4.Sonne, M.W.L.,Villalta, D.L.and Andrews, D. Developmentand            evaluationofanofficeergonomicriskchecklist: theRapid OfficeStrainAssessment (ROSA).Applied Ergonomics 2012;43(1):98-108.

  1. เมธินีครุสันธิ์และ สุนิสา ชายเกลี้ยง. การประเมินความเสี่ยงทางการยศาสตร์ในพนักงานสำนักงานมหาวิทยาลัย Ergonomic Risk Assessment in University Office Workers. KKU Res. J. 2014; 19(5): 696-707.
  2. (ร่าง)มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมการจัดสภาพการทำงานตามหลักการยศาสตร์:การทำงานกับคอมพิวเตอร์.[ออนไลน์]. 2556. แหล่งที่มา: http://www.dropbox.com/s/ioinn7kz015z8c5/FDNS-VDT-FDNS-20NOV2013.pdf [2558, 28 สิงหาคม]

 

 โดย : แพทย์หญิงสุรีรัตน์ ธีระวณิชตระกูล

ขอบคุณบทความจาก :  จุลสารของสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม
ปีที่ 3 ฉบับที่ 4 (ตุลาคม-ธันวาคม 2558)
เรื่องการยศาสตร์ในสำนักงาน (Office Ergonomics)