เมื่อมีอาการปวดจุกแน่นหรือแสบร้อนบริเวณท้องส่วนบน, หน้าอกหรือบริเวณลำคอ อาการท้องอืดท้องเฟ้อเหมือนอาหารไม่ย่อย รับประทานอาหารแล้วอิ่มเร็วกว่าปกติ มีอาการเรอบ่อยๆ อาหารคลื่นไส้อาเจียน อาการกลืนติดกลืนลำบาก หรือกลืนแล้วเจ็บ อาการเจ็บคอ คอแห้ง เสียงแหบหรือไอบ่อยๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ
อาการข้างต้นเหล่านี้ล้วนเป็นอาการแสดงอันเนื่องมาจากความผิดปกติของทางเดินอาหารส่วนบน ซึ่งได้แก่ หลอดอาหาร กระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น โรคในทางเดินอาหารที่เป็นสาเหตุให้เกิดอาการเหล่านี้ได้ เช่น โรคกรดไหลย้อน โรคหลอดอาหารอักเสบเป็นแผล โรคกระเพาะอาหารอักเสบ โรคแผลในกระเพาะอาหารหรือแผลในลำไส้เล็กส่วนต้น โรคมะเร็งหลอดอาหารหรือกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ การติดเชื้อแบคทีเรียเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโรไล (Helicobacter pylori) ในกระเพาะอาหารยังเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร และเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหารด้วย
การตรวจส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบน (Esopha-gogastroduodenoscopy : EGD หรือ Gastroscopy) เป็นการตรวจมาตรฐานที่ทั่วโลกใช้เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาโรค
ข้อบ่งชี้ในการตรวจส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบน
1.ผู้ที่มีอาการของระบบทางเดินอาหารส่วนบนดังกล่าวข้างต้นที่มีอาการเรื้อรังและไม่ตอบสนองต่อการรักษา : แพทย์สามารถทำการวินิจฉัยและพิสูจน์โรคโดยการเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อ (Tissue Biopsy) เพื่อแยกสาเหตุของโรคและยังสามารถทำการผ่าตัดผ่านกล้องในกรณีพบติ่งเนื้องอกในทางเดินอาหารได้อีกด้วย
2.ผู้ที่มีอาการของระบบทางเดินอาหารส่วนบนร่วมกับมีอาการที่เป็นสัญญาณเตือนภัย (Alarm Features) ได้แก่ ท้องอืดท้องโตเป็นเวลานาน คลำได้ก้อนในท้อง เบื่ออาหาร น้ำหนักลด กลืนอาหารติด กลืนลำบาก มีอาการอาเจียนบ่อยๆ มีประวัติครอบครัวของโรคมะเร็งระบบทางเดินอาหารหรืออายุมากกว่า 55 ปี ซึ่งล้วนเป็นสัญญาณเตือนภัยที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร (Gastric Cancer)
3.ผู้ที่มีอาการถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ ถ่ายเป็นเลือดแดงปนดำ อาเจียนปนเลือด หรือมีภาวะโลหิตจาง ซึ่งสงสัยภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนบน (Upper Gastrointestinal Bleeding : UGIB) การส่องกล้องตรวจสามารถให้การวินิจฉัยโรค ประเมินความรุนแรงและสามารถทำการรักษาห้ามเลือดได้ในทันที ทำให้ลดความจำเป็นและความเสี่ยงของผู้ป่วยที่อาจจะต้องได้รับการผ่าตัดช่องท้องเพื่อห้ามเลือด
4.ตรวจติดตามการรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร (Gastric Ulcer) เพื่อยืนยันการหายของแผล และเพื่อขจัดข้อสงสัยสาเหตุของแผลกระเพาะอาหารอันอาจเกิดเนื่องมาจากโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
5.เพื่อให้การรักษาในกรณีที่มีการกลืนสิ่งแปลกปลอมลงในหลอดอาหาร (Foreign Body Impaction) เช่น เหรียญ ถ่านแบตเตอรี่ เข็ม กระดูกสัตว์ ก้างปลา เป็นต้น
6.เพื่อให้การวินิจฉัยและประเมินความรุนแรงในกรณีที่มีการกลืนสารกัดกร่อน (Corrosive ingestion) เช่น กรดหรือด่าง น้ำยาล้างห้องน้ำ
7.เพื่อทำการรักษาแก้ไขภาวะตีบตันของทางเดินอาหาร (Stricture) อันเป็นผลมาจากโรคมะเร็งทางเดินอาหาร การเกิดแผลในทางเดินอาหารหรือการตีบตันอันเป็นผลมาจากการกลืนสารกัดกร่อน
การเตรียมตัวก่อนส่องกล้อง
การส่องกล้องตรวจทางเดินอาหารส่วนบนเป็นการตรวจที่สามารถทำได้โดยง่าย ใช้เวลาไม่นาน โดยทั่วไปการตรวจใช้เวลาประมาณ 15-30 นาทีขึ้นอยู่กับโรคที่ตรวจพบและความจำเป็นในการรักษา ผู้ป่วยจะได้รับคำแนะนำจากแพทย์ และประเมินความพร้อมก่อนการตรวจ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอด โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคเลือด รับประทานยาใดๆ อยู่เป็นประจำ หรือแพ้ยาควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
ผู้ป่วยควรงดอาหารและน้ำประมาณ 6-8 ชั่วโมงก่อนตรวจ ขณะตรวจแพทย์จะให้ผู้ป่วยนอนตะแคงซ้าย จากนั้นให้ยาชาเฉพาะที่โดยการพ่นยาชาภายในลำคอ และผู้ป่วยอาจได้รับยานอนหลับหรือยาระงับความรู้สึกทั่วร่างกายตามความเหมาะสม
กล้องส่องตรวจทางเดินอาหารส่วนบน (Gastroscope) เป็นกล้องวิดีโอขนาดเล็กซึ่งติดอยู่บริเวณปลายท่อยาวที่มีลักษณะอ่อน โค้งงอ และยืดหยุ่นได้ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร ระหว่างการตรวจแพทย์จะสอดกล้องผ่านเข้าทางปากอย่างช้าๆ ผ่านหลอดอาหาร กระเพาะอาหารจนถึงบริเวณลำไส้เล็กส่วนต้น หลังจากนั้นแพทย์จะใส่ลมเข้าขยายภายในกระเพาะอาหารเพื่อให้ดูภาพได้ชัดเจนขึ้น ผู้ป่วยอาจรู้สึกอึดอัดแน่นท้องเล็กน้อย หลังการตรวจ ผู้ป่วยสามารถดื่มน้ำและรับประทานอาหารได้หลังจากคอหายชาซึ่งใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ในกรณีที่ได้รับยานอนหลับหรือยาระงับความรู้สึก ผู้ป่วยจะได้รับการดูแลในห้องสังเกตอาการประมาณ 1-2 ชั่วโมง และแนะนำให้มีญาติมารับ ไม่ควรขับรถ หรือทำงานที่ต้องใช้สมาธิเนื่องจากอาจมีอาการง่วงอีกประมาณ 4-6 ชั่วโมง
บทความโดย นพ.กฤษฎา จำนงกิจพานิช
ที่มา วารสารโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน