Make Appointment

คอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม

16 Apr 2017 เปิดอ่าน 988

โดย Dr. C. R.

ในปัจจุบันคอมพิวเตอร์ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานในทุกๆ ด้าน ทุกคนที่ทำงานในยุคดิจิตอลจึงมีความจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ดิจิตอลต่างๆ ในการทำงาน ซึ่งพบว่าการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ นั้น สามารถทำให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดตา ตามัว น้ำตาไหลแสบตา ตาแห้ง ปวดศีรษะ ปวดคอ ปวดไหล่หรืออาการปวดหลัง ซึ่งกลุ่มอาการเหล่านี้รวมเรียกว่า คอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม (Computer Vision Syndrome : CVS)


โดยคอมพิเตอร์วิชั่นซินโดรมนั้นนอกจากจะหมายถึงกลุ่มอาการผิดปกติที่เกิดจากการใช้งานหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วยังหมายความรวมถึงการใช้งานอุปกรณ์ดิจิตอลที่มีหน้าจอมอนิเตอร์อื่นๆ เช่น แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน โดยระดับความรุนแรงของอาการจะเพิ่มมากขึ้นตามระยะเวลาที่ใช้สายตาอยู่หน้าจอที่นานขึ้น และพบว่าพฤติกรรมการใช้งานหน้าจอที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคมากที่สุด ได้แก่ การใช้งานหน้าจอติดต่อกันนานเกิน ๒ ชั่วโมง หรือ การทำงานที่ต้องอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทุกๆ วัน


สาเหตุของการเกิดโรค นอกจากจะเกิดจากการใช้สายตากับหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานแล้ว ยังพบว่าตำแหน่งการจัดวางจอคอมพิวเตอร์ที่ไม่เหมาะสม แสงสว่างหรือแสงสะท้อนจากจอคอมพิวเตอร์ที่มากเกินไป ระยะห่างระหว่างดวงตากับจอคอมพิวเตอร์ที่ไม่เหมาะสม ความผิดปกติของสายตาของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ตลอดจนท่านั่งทำงานที่ไม่เหมาะสม ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุของการเกิดคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรมได้ทั้งสิ้น


วิธีการป้องกัน การเกิดคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรมทำได้โดย

๑.จัดตำแหน่งการวางหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้ห่างจากดวงตาประมาณ ๒๐-๒๘ นิ้ว และควรให้จุดกึ่งกลางของหน้าจออยู่ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ ๑๕-๒๐ องศา(หรือต่ำกว่าระดับสายตาในแนวราบประมาณ ๔-๕ นิ้ว)


๒.ไฟเพดานในห้องทำงาน โคมไฟบนโต๊ะทำงาน หรือแสงสว่างจากหน้าต่างในห้องทำงาน ไม่ควรสว่างมากเกินไปเพื่อลดแสงสะท้อนจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรืออาจใช้กระจกกันแสงสะท้อนติดที่หน้าจอ เพื่อลดแสงสะท้อนเข้าดวงตา สำหรับความสว่างของหน้าจอควรปรับความสว่างให้พอเหมาะและไม่สว่างมากจนเกินไป

๓.ขณะทำงานหน้าจอควรกะพริบตาให้บ่อยขึ้นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวดวงตา โดยในคนปกติจะมีการกะพริบตาเฉลี่ยประมาณ ๑๔-๑๖ ครั้งต่อนาที แต่พบว่าการใช้งานหน้าจอคอมพิวเตอร์จะทำให้ความถี่ของการกะพริบลดลงเหลือเพียง ๑ ใน ๔ ของความถี่ปกติ ซึ่งเป็นผลให้เกิดอาการตาแห้งและแสบตาได้ง่าย

๔.ควรพักการใช้สายตาเป็นระยะ โดยการละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ทุกๆ ๒๐ นาที แล้วมองไปที่วัตถุที่อยู่ไกลอย่างน้อย ๒๐ ฟุต นานประมาณ ๒๐ วินาที หรือเรียกง่ายๆ ว่า "สูตรการพักสายตา ๒๐-๒๐-๒๐"

๕.ผู้ที่มีสายตาผิดปกติ เช่น สายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง ควรได้รับการแก้ไขสายตาที่ผิดปกติด้วยแว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ เพื่อให้สามารถมองเห็นภาพที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ได้อย่างชัดเจน และลดการเพ่งมองที่จะนำมาสู่อาการปวดตา หรือแสบตาได้

จะเห็นได้ว่าคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรมสามารถป้องกันได้ง่าย เพียงเราปรับพฤติกรรมการทำงานให้เหมาะสม
ก็จะทำให้ไม่เกิดโรคและมีความสุขในการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ในที่สุด

เรียบเรียงโดย : นายแพทย์ชายหาญ รุ่งศิริแสงรัตน์ 

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.hiso.or.th/health/data/html/shownews.php?news_id=7566&names=01