Make Appointment

ถาม-ตอบ โรคฮิตของหนุ่มสาวยุคใหม่ที่คุณไม่ควรมองข้าม

14 Jan 2017 เปิดอ่าน 1413

ปัจจุบันมีโรคต่างๆ เกิดขึ้นมากมายกับมนุษย์เรา ทั้งเกิดขึ้นจากตัวเราเอง หรือโรคที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แล้วมนุษย์เราก็หันไปใช้วิธีการรักษาที่ผิดจากความเป็นจริง วันนี้จึงพาไปไขความลับปัญหาโรคต่างๆ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จากราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยกัน

Q : ทำไมสมัยนี้ถึงนิยมทำดีท็อกซ์ และการใช้สเต็มเซลล์กันมากขึ้น มันได้ผลและน่าเชื่อถือหรือไม่?
       
       A: ศาสตราจารย์นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา ประธานคณะอนุกรรมการวิชาการ ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ตอบว่า ปัจจุบันมีการนำวิชาการทางการแพทย์ไปใช้ในทางธุรกิจ โดยไม่คำนึงถึงโทษและผลกระทบข้างเคียงจำนวนมากที่จะเกิดขึ้น รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่มีการอ้างสรรพคุณเกินจริงและหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ
       
       อย่างเช่น การทำดีท็อกซ์ลำไส้ใหญ่และตับ ปัจจุบันธุรกิจด้านนี้มีเงินหมุนเวียนในระบบเป็นพันล้านบาท มีศูนย์อยู่ 7,000 แห่งทั่วประเทศ อัตราการเกิดลำไส้ทะลุจากการสวนอุจจาระคือ 4 ใน 1,000 ครั้ง การสวนอุจจาระถูกใช้ในทางการแพทย์เพื่อช่วยผู้สูงอายุที่ขับถ่ายยากมากๆ เท่านั้น หากทำเพียง 3 ครั้ง ร่างกายจะเกิดความเคยชินไม่สามารถขับถ่ายได้เอง
       
       ส่วนเรื่องการใช้สเต็มเซลล์ในการรักษาโรคต่างๆ เช่น เส้นเลือดหัวใจตีบ ซึ่งในทางทฤษฎีสเต็มเซลล์สามารถเข้าไปช่วยสร้างเส้นเลือดใหม่ได้ แต่ในปัจจุบันเรายังหาวิธีควบคุมสเต็มเซลล์นั้นให้กลายเป็นหลอดเลือดไม่ได้ ฉะนั้น สเต็มเซลล์สามารถรักษาได้เพียงโรคเลือดเท่านั้น
       
       ด้านผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต่างๆ ในปัจจุบันมีการแอบอ้างสรรพคุณเกินจริง ใช้รักษาโรคได้สารพัด โดยใส่สารอาหารที่องค์กรอาหารและยาไม่ระบุว่าเป็นยารักษาโรค เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ และไม่ถูกควบคุมการโฆษณาอีกด้วย
       
       Q : ทำไมโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ และอัมพฤกษ์อัมพาต ถึงเกิดขึ้นบ่อย!?
       
       A : ศาสตราจารย์นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา ตอบว่า โรคหรือภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะเป็นโรคที่มีมานานแล้ว แต่เพิ่งดังในตอนนี้เพราะว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนเป็นอัมพฤกษ์อัมพาต ซึ่งปกติคนเราหัวใจจะเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ส่วนการเต้นผิดจังหวะคือหัวใจห้องบนสั่น (เต้นระริก) ไม่บีบเป็นจังหวะ จึงไม่สัมพันธ์กับหัวใจห้องล่าง ทำให้เกิดเลือดที่ผนังหัวใจแล้วเกิดเป็นลิ่มเลือดในที่สุด
       
       โดยปกติลิ่มเลือดที่ผนังหัวใจไม่เป็นอันตราย แต่ถ้าหลุดผ่านไปหัวใจห้องล่าง แล้วหัวใจห้องล่างบีบขึ้นคอขึ้นศีรษะจะไปอุดเส้นเลือดในสมองทำให้เป็นสโตรก มีอาการสังเกต 4 อย่าง คือ ปากเบี้ยว, พูดไม่ชัด, อ่อนแรง และชาซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย ปัจจุบันมีการรักษาโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ 2 วิธี คือ การให้ยา ซึ่งเป็นวิธีง่ายที่สุด ยาจะช่วยให้เลือดแข็งตัวยาก ไม่กลายเป็นลิ่มเลือด อีกวิธีคือการสอดสายเข้าไปที่หัวใจเพื่อให้จุดที่เป็นปัญหา และรักษาด้วยการปล่อยคลื่นวิทยุ หรือที่เรียกว่า “ขี้ไฟฟ้าหัวใจ”

ขอบคุณบทความจาก : http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9580000009017