Make Appointment

ผ่าตัดข้อสะโพกเทียม: ทางเลือกเพื่อการกลับมาใช้ชีวิตอย่างมั่นใจ

29 Apr 2025 เปิดอ่าน 43

| โดย นพ.รณศักดิ์มงคลรังสฤษฎ์
ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ อนุสาขาข้อเข่าและข้อสะโพก

ผ่าตัดข้อสะโพกเทียมคืออะไร?

การผ่าตัดข้อสะโพกเทียม (Total Hip Replacement) คือการเปลี่ยนข้อสะโพกที่สึกหรอหรือเสียหาย ด้วยข้อสะโพกเทียมที่ทำจากวัสดุพิเศษ เช่น โลหะ เซรามิก หรือพลาสติกคุณภาพสูง เพื่อทดแทนการทำงานของข้อสะโพกเดิม ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาเดิน นั่ง ยืน และทำกิจวัตรประจำวันได้ดีขึ้น

การผ่าตัดนี้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งเทคนิคและวัสดุ ทำให้ปัจจุบันข้อสะโพกเทียมมีอายุการใช้งานยาวนาน และลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนลงมาก

ผ่าตัดข้อสะโพกเทียมเหมาะกับใคร?

  • ผู้สูงอายุที่มี ข้อสะโพกเสื่อม จากอายุหรือการใช้งาน หรือ ความผิดปกติตั้งแต่เกิด 
  • ผู้ที่มี ข้อสะโพกเสื่อม จากอุบัติเหตุ
  • ผู้ป่วยที่มี ข้อสะโพกเสื่อม จาก โรคข้ออักเสบ เช่น รูมาตอยด์ 
  • ผู้ที่รู้สึกว่า คุณภาพชีวิตลดลง  จาก ข้อสะโพกเสื่อม เดินไม่ได้ไกลเหมือนเดิม ต้องใช้เครื่องช่วยเดิน

ข้อจำกัดของการผ่าตัดข้อสะโพกเทียม

  • ข้อสะโพกเทียมมีอายุการใช้งานเฉลี่ยประมาณ 15–20 ปี (แล้วแต่อายุการใช้งานและการดูแล)
  • ยังต้องระวังการเคลื่อนไหวบางท่า เช่น นั่งไขว่ห้าง หรือ ก้มตัวลึกเกินไป หลังผ่าตัด
  • การผ่าตัดมีความเสี่ยงเหมือนการผ่าตัดใหญ่ทั่วไป เช่น การติดเชื้อ การอักเสบ หรือเส้นเลือดอุดตัน

ข้อดีของการผ่าตัดข้อสะโพกเทียม

  • บรรเทาอาการปวดเรื้อรังที่สะโพก
  • เพิ่มความสามารถในการเคลื่อนไหว เดินได้มั่นคงขึ้น ลดโอกาสหกล้มในผู้สูงอายุ
  • ช่วยให้กลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เกือบปกติ เช่น ขับรถ ท่องเที่ยว
  • ลดการใช้ยาแก้ปวดเรื้อรังที่อาจมีผลข้างเคียงจากยา

ข้อเสียที่ควรรู้

  • มีโอกาสเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน เช่น ข้อสะโพกหลุด หรือการติดเชื้อ แม้จะมีโอกาสน้อย
  • ข้อสะโพกเทียมอาจสึกหรอได้เร็วกว่ากำหนด เมื่อใช้งานหนัก โดยเฉพาะในผู้ที่น้ำหนักตัวมาก 
  • บางปัญหาอาจต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมซ้ำ (Revision surgery) เช่น การติดเชื้อ 

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด

  • พบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด รวมถึง X-ray ข้อสะโพก
  • งดอาหารและน้ำก่อนการผ่าตัดตามคำแนะนำแพทย์
  • หยุดยาบางชนิด เช่น ยาละลายลิ่มเลือด ยาต้านเกล็ดเลือด(ตามแพทย์สั่ง)
  • ปรับสภาพแวดล้อมในบ้านให้เหมาะกับการพักฟื้น เช่น จัดที่นอนให้อยู่ชั้นล่าง ไม่ต้องขึ้นบันได, ติดราวจับในห้องน้ำ, ปรับทางเดินให้กว้าง เพื่อให้ใช้ไม้เท้า 4 ขา(walker) ได้สะดวก 
  • เตรียมไม้เท้า ไม้ค้ำยัน หรือวอล์กเกอร์ช่วยพยุงตัวหลังผ่าตัด

ขั้นตอนการผ่าตัดข้อสะโพกเทียม

  1. ดมยาสลบ หรือ บล็อกหลัง ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและการพิจารณาของวิสัญญีแพทย์
  2. เปิดแผลผ่าตัด ที่บริเวณสะโพก ความยาวและตำแหน่งแผล ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่เลือกใช้
  3. นำข้อสะโพกเดิมที่เสื่อมออก และใส่ข้อสะโพกเทียมเข้าไปแทนที่
  4. เย็บแผลและปิดแผลอย่างเรียบร้อย พร้อมวางแผนการฟื้นฟูทันทีหลังผ่าตัด

โดยปกติการผ่าตัดจะใช้เวลาประมาณ 1.5–2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความซับซ้อน

การพักฟื้นหลังผ่าตัดข้อสะโพก

  • 1-2 วันแรก: เริ่มลุกนั่งบนเตียงภายใต้การดูแลของทีมแพทย์
  • 3-7 วัน: เริ่มฝึกเดินด้วยวอล์กเกอร์หรือไม้ค้ำยัน
  • 2-6 สัปดาห์: ทำกายภาพบำบัดเพิ่มการเคลื่อนไหว
  • หลัง 3 เดือน: สามารถเดินได้ใกล้เคียงปกติ และทำกิจกรรมเบาๆ ได้
  • 6 เดือนขึ้นไป: ข้อสะโพกมีความแข็งแรงมากขึ้น สามารถออกกำลังกายเบาๆ ได้

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

  • การติดเชื้อ บริเวณแผลผ่าตัดหรือรอบข้อสะโพก
  • ข้อสะโพกหลุด หากขยับผิดท่าในช่วงฟื้นตัว
  • ลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ (DVT) จำเป็นต้องป้องกันด้วยการให้ยาและขยับตัวเร็วหลังผ่า
  • การเสื่อมของข้อเทียม เมื่อใช้เป็นระยะเวลานาน
  • เส้นประสาทบาดเจ็บ (พบได้น้อยมาก)

อย่างไรก็ตาม ทีมแพทย์และพยาบาล จะดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้

การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดข้อสะโพก

  • อย่าไขว่ห้างหรืองอตัวเกิน 90 องศาในช่วงแรก
  • ใช้วอล์กเกอร์หรือไม้ค้ำยันตามแพทย์แนะนำ
  • ระวังการลื่นล้มในบ้าน
  • กินยาให้ครบตามแพทย์สั่ง
  • นัดตรวจตามกำหนดเพื่อดูความแข็งแรงของข้อสะโพก

การออกกำลังกายหลังผ่าตัดข้อสะโพก

หลังจากข้อสะโพกแข็งแรงดีแล้ว แพทย์จะแนะนำให้ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรง เช่น

  • เดินเบาๆ บนพื้นเรียบ
  • ปั่นจักรยานอยู่กับที่ (หลัง 2-3 เดือน)
  • ว่ายน้ำ หรือ แอโรบิกในน้ำ (หลังแผลหายสนิท)
  • โยคะเบาๆ (ท่าไม่ก้มงอข้อสะโพกเกินไป)

ข้อควรระวัง: หลีกเลี่ยงการกระโดด หรือกีฬาที่มีแรงกระแทกสูง เช่น บาสเกตบอล วิ่งมาราธอน

สรุป

การผ่าตัดข้อสะโพกเทียม เป็นการรักษาที่ช่วยคืนชีวิตใหม่ให้ผู้สูงอายุที่มีปัญหาข้อสะโพกเสื่อม หรือบาดเจ็บจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต
ภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์สูง การฟื้นตัวหลังผ่าตัดจึงสามารถเป็นไปอย่างปลอดภัย และให้คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างยั่งยืน

นพ.รณศักดิ์ มงคลรังสฤษฎ์ (ว 37226)
พร้อมให้การดูแลแบบใส่ใจ เพื่อพาคุณกลับมาใช้ชีวิตอย่างมั่นใจอีกครั้ง