ฝรั่ง เป็นผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามิน
โดยเฉพาะ วิตามินซี และ วิตามินเอ นั้น มีมากกว่ามะนาวถึง 4 เท่า
ทำให้ฝรั่งมีคุณค่าในการสร้างความต้านทานโรคหวัดได้เป็นอย่างดี
และนอกจากนี้ยังมี "การรับประทานฝรั่งเพื่อลดความอ้วน"
เพราะการรับประทานฝรั่ง "ไม่เพิ่มน้ำหนัก"
เนื่องจากให้พลังงานต่ำ จึงทานได้บ่อย ๆ ตามต้องการ
คุณค่าทางอาหารประกอบด้วย วิตามินเอ,วิตามินซี, B1,B2,แคลเซียม,ฟอสฟอรัส,
นอกจากนี้ยังมีสารพวกเพคตินและแทนนิน (TANNIN) จำนวนมากด้วย
แต่ถ้ากินมากอาจจะทำให้ท้องผูก ส่วนฝรั่งสุกอาจทำให้ท้องเสียได้
สำหรับคุณประโยชน์ทางอาหารสรุปได้ดังนี้
วิตามินซี และ วิตามินเอ ช่วยให้มีความต้านทานต่อโรคหวัดเพิ่มขึ้น บำรุงเหงือกและฟัน , ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
สารเพคติน (PECTIN) เป็นยาระบายอ่อน ๆ แก้ท้องผูกได้ดี
สารแทนนิน (TANNIN) มี ฤทธิ์เป็นยาฝาดสมาน สามารถบรรเทาอาการท้องร่วง และ ห้ามเลือดได้ ,
ช่วยสมานแผลและบรรเทาอาหารเจ็บคอ
นอกจากนี้ยังช่วยระงับกลิ่นปาก และ รักษาแผลเรื้อรังเช่น น้ำกัดเท้า และผื่นคันจากผิวหนังที่ถูกใบไม้คันได้ด้วย
จากคัมภีร์สรรพคุณยากล่าวไว้ว่า ฝรั่งทั้งห้า (ดอก ผล ราก ใบ ต้น)
มีรสฝาด แก้ท้องร่วง, บิด
ใบ และ ผล แก้ท้องเสีย, บิด, ดับกลิ่นปาก
กรมอนามัยได้ทำการศึกษาพบว่า นอกจากวิตามินเอ และซีแล้ว
ฝรั่งยังมีวิตามินบี 1 บี 2 แคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส เพคติน แทนนิน และมีเส้นใยสูง
ในปัจจุบันนี้ฝรั่งถือเป็นพืชสมุนไพร ที่นำมาใช้ประโยชน์ได้หลายทาง เช่น
นำใบแก่ ๆ มาปิ้งไฟชงน้ำดื่มแก้อาการท้องเดินได้
หรือนำผลฝรั่งอ่อน ๆ เอาเฉพาะเปลือกกับเนื้อไม่เอาเมล็ด ใส่เกลือเล็กน้อยรับประทาน
หรือต้มน้ำใช้ดื่ม จะมีสารเทนนิน ซึ่งมีฤทธิ์ฝาดสมาน หยุดอาการท้องร่วงได้
ส่วนเพคติน และ เส้นใยพืช จะช่วยป้องกันโรคท้องผูก มะเร็งลำไส้ ริดสีดวงทวาร
และช่วยเคลือบลำไส้เล็กทำให้ดูดซึมน้ำตาลและไขมันน้อยลง
จึงช่วยควบคุมเบาหวาน ลดไขมันในเลือด ช่วยไม่ให้ไขมันจับผนังหลอดเลือด ป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว
นอกจากนี้ใบฝรั่งยังมีสารฝาดสมานและน้ำมันหอมระเหย
จึงสามารถนำใบฝรั่งมาทำน้ำยาดับกลิ่นปาก ถ้าใช้ใบสด 4-5 ใบ เคี้ยวให้ละเอิยดหลังรับประทานอาหาร
อมไว้สักพักแล้วค่อยคายทิ้งจะช่วยลดกลิ่นอาหาร เหล้า บุหรี่
และช่วยในการลดการเกิดเหงือกอักเสบได้ด้วย
หลังจากรับประทานอาหาร มักจะมีเศษอาหารติดค้างอยู่ตามซี่ฟันมาก
โดยเฉพาะอาหารพวกแป้ง และคาร์โบไฮเดรตซึ่งได้แก่ ข้าว ขนมปัง ของหวาน
อาหารพวกนี้จะติดฟันได้ง่าย
ถ้าแปรงฟันไม่สะอาดจะทำให้เกิดคราบจุลินทรีย์ ที่เรียกว่า พลัค เกาะที่คอฟันบริเวณที่ชิดกับเหงือก
เชื้อจุลินทรีย์นั้นจะปล่อยสารพิษออกมาทำให้เหงือกอักเสบ มีหนอง
เป็นผลทำให้เกิดมีกลิ่นปากเหม็น
ทันตแพทย์จึงแนะนำให้แปรงฟันหลังอาหารหรืออย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อกำจัดคราบจุลินทรีย์
การรับประทานฝรั่ง นอกจากจะมีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ยังจะ "ช่วยในการกำจัดคราบอาหารบนตัวฟันได้"
จากการศึกษาในกลุ่มนักศึกษาอาสาสมัครที่ไม่แปรงฟันเป็นเวลา 1-2 วัน
เกิดมีคราบเกาะที่ฟัน แล้วให้มาเคี้ยวฝรั่ง
เมื่อตรวจฟันหลังจากนั้น พบว่าคราบอาหารถูกกำจัดออกไปได้ดี
จึงถือว่าการเคี้ยวฝรั่งนั้นเป็นวิธีที่ช่วยทำความสะอาดฟันได้ และยังช่วยลดกลิ่นปากด้วย
นอกจากฝรั่งแล้ว นับว่าโชคดีที่ประเทศเราอยู่ในเขตร้อน ซึ่งมีผักผลไม้อิกหลายชนิดที่ให้รับประทานได้ตลอดปี
มีราคาถูก รสอร่อย และมีวิตามินสูง
ไม่ว่าจะเป็นสับปะรด แตงกวา แครอท ถั่วฝักยาว และอื่น ๆ
ซึ่งถ้ารับประทานผลไม้หรือผักสดหลังอาหารจะทำให้มีสุขภาพแข็งแรง
ช่วยในการทำความสะอาดช่องปาก ดีต่อสุขภาพเหงือกและฟันด้วย
โดย...ทพญ.ฉวีวรรณ ภักดีธนากุล
* ขอบคุณข้อมูลจาก : http://tanchualee.com/forum/index.php?topic=30.0