Make Appointment

ลูกหมดสติจากการกลั้นหายใจ ( Breath Holding Spells)

01 Aug 2016 เปิดอ่าน 7437

     ภาวะหมดสติ หมดความรู้สึก หรือไม่มีสติสัมปชัญญะ เป็นเรื่องที่ไม่น่าพึงประสงค์ และแน่นอนครับว่าคงจะไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับบุตรหลานของเรา เนื่องจากภาวะนี้เป็นเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นจากอะไรบางอย่างที่น่าจะหนักหนาสาหัส เป็นอาการการแสดงถึงบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นกับสมองของเรา โดยทั่วไปถือว่าอาการเหล่านี้เป็นตัวบ่งบอกว่าสมองโดยรวมหรือก้านสมองได้รับการรบกวนหรือกระทบกระเทือน ความรุนแรงก็มีได้ตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรงมาก ซึ่งอาจเกิดขึ้นชั่วคราวหรือเกิดขึ้นเป็นเวลานานก็ได้  โดยที่สาเหตุนั้นก็มีได้ตั้งแต่ สมองได้รับการกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุ สมองติดเชื้อ โรคลมชัก เลือดออกในสมอง สมองขาดเลือดหรือขาดออกซิเจน น้ำตาลในเลือดต่ำ หรือได้รับยากดประสาท ไปจนถึงเรื่องง่ายๆ อย่าง “อาการเป็นลม หรือลมจับ” ที่ผู้ปกครองบางท่านอาจเคยมีประสบการณ์ด้วยตนเองมาแล้ว    อาการเป็นลม หรือลมจับ หลายคนอาจไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับเด็กๆ แต่ในความเป็นจริงเราสามารถพบได้ทั้งเด็กเล็กและเด็กโต เรื่อยไปจนถึงผู้ใหญ่เลยทีเดียวครับ ซึ่งต่างก็มีกลไกหลักที่คล้ายกัน คือ มีอาการหมดสติ หรือหมดความรู้สึก ไม่มีสติสัมปชัญญะ ที่เกิดมาจากสมองขาดเลือดไปเลี้ยงชั่วขณะ ทำให้อาการเหล่านี้เกิดขึ้นชั่วคราว และจะกลับมาเป็นปกติเมื่อปริมาณของเลือดที่ไปเลี้ยงสมองกลับสู่ภาวะปกตินั่นเอง
     ผมคิดว่าทุกท่านคงคุ้นเคยกับคำว่า “เป็นลม” ก่อนเกิดอาการก็จะมีอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด แต่แน่นอนว่าถ้าลูกน้อยของคุณพ่อคุณแม่อยู่ดีๆเกิดหมดสติทันทีทันใด ก็อาจทำให้ผู้ปกครองทั้งหลายตกใจจนหัวใจแทบจะหยุดเต้นกันเลยทีเดียวครับ คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจจะไม่เคยทราบมาก่อนว่าภาวะนี้สามารถพบได้บ่อยในเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 5 ปี นักวิจัยกล่าวกันว่าเราพบว่าในเด็กปกติมีอาการเหล่านี้ได้สูงถึงเกือบ 5 % เลยทีเดียวครับ และที่สำคัญไม่ใช่แค่อาการหมดสติเท่านั้นนะครับ แต่บางรายยังมีอาการร่วมด้วย เช่น ตัวอ่อนปวกเปียกเหมือนไม่มีแรง แถมบางรายยังมีอาการชักกระตุก ลำตัวบิดเกร็ง ตาเหลือก และในบางรายอาการร่วมเหล่านี้อาจมีอาการรุนแรงมากจนคุณพ่อแม่ถึงกับคิดว่าลูกน้อยกำลังจะเสียชีวิต  รีบทำการช่วยชีวิตเท่าที่จะสามารถทำได้ คือ ทำการเป่าปากหรือปั้มหัวใจกันยกใหญ่เลยทีเดียวครับ เหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้อาจเกิดขึ้นได้ และผมขอบอกให้ผู้ปกครองเบาใจกันเล็กน้อยว่า โรคนี้สามารถพบได้บ่อยในเด็กซึ่งไม่มีความร้ายแรงเหมือนอย่างที่ท่านคิด และไม่ร้ายแรงเหมือนกับโรคลมชัก หรือโรคอื่นๆทางสมองที่เกิดจากการหมดสติเหมือนในผู้ใหญ่ เมื่ออ่านถึงตรงนี้หลายท่านคงสงสัยว่าตกลงโรคนี้คืออะไรกันแน่ ลองติดตามกันดูครับว่าจะต่างจากจินตนาการหรือสิ่งที่เราคิดในตอนแรกหรือไม่ และไม่อันตรายอย่างที่ผมกล่าว จริงหรือ

     ภาวะกลั้นหายใจแล้วหมดสติ (Breath holding spells)
ภาวะกลั้นหายใจแล้วหมดสตินี้พบได้บ่อยมากในเด็กครับ ซึ่งสามารถพบได้ในสองรูปแบบ
แบบแรกซึ่งเป็นแบบที่พบได้บ่อยมาก คือ เมื่อเด็กมีอารมณ์โกรธ หงุดหงิด ถูกขัดใจ หรือมีความรู้สึกไม่พอใจ เช่น ถูกขัดใจจากการแย่งของเล่น มีความกลัว หรือมีความเจ็บปวด เด็กจะเริ่มจากการร้องไห้ ตัวและหน้าจะเริ่มเขียวอย่างรวดเร็ว  เมื่อร้องไห้ ตัวเขียว หน้าเขียวได้สักครู่หนึ่งก็จะมีอาการหยุดหายใจ การหยุดหายใจก็จะหยุดหายใจในช่วงที่หายใจออก ขั้นต่อมาก็คือหมดสติไปชั่วขณะ โดยตัวของเด็กจะอ่อนปวกเปียก  เมื่อผ่านไปสักครู่หนึ่งเด็กก็จะตื่นขึ้น โดยอาจจะร้องไห้ต่อ แขนขาเริ่มขยับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หากภาวะหมดสติยาวนาน เด็กก็อาจตื่นขึ้นมาและกลับหลับต่อไปเหมือนการนอนหลับปกติ  โดยทั่วไปพ่อแม่จะตกใจ ปนกับการประหลาดใจถ้าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก และเมื่อพบหลายครั้งเข้าก็จะกลายเป็นความคุ้นเคย เหมือนอย่างครอบครัวของคนไข้ของผมส่วนมากที่เด็กมีอาการบ่อย และบ่อยมากจนพ่อแม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติของเด็ก เนื่องจากเป็นที่รู้กันว่าร้องไห้เมื่อไร ก็ตัวอ่อนพร้อมกับตัวเขียวทุกครั้ง  แต่โดยมากที่ผู้ปกครองพาเด็กมาพบกับผมก็ต่อเมื่อเด็กมีอาการมากกว่านั้นครับ คือ ในเด็กบางรายมีภาวะหมดสติยาวนานกว่าเด็กทั่วไป ซึ่งผลที่เกิดขึ้นตามมาคือเด็กจะมีอาการตัวเกร็ง แขนขากระตุก และอาการตาเหลือกร่วมด้วย ทำให้ผู้ปกครองหลายท่านมีคำถามว่าลูกชักหรือไม่
      ส่วนแบบที่สองเป็นแบบที่พบได้น้อยกว่า แต่ก็ดูน่าตกใจกว่าโดยเฉพาะเมื่อเกิดในเด็กเล็กมาก กล่าวคือ เมื่อเด็กได้รับบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือมีการตกใจจากสาเหตุใดก็ตาม ที่ผมพบบ่อย คือ ล้มกระแทกบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย หรือ หัวกระแทกเล็กน้อย แต่เด็กกลับมีอาการตัวอ่อนปวกเปียก แน่นิ่ง หมดสติทันที แบบนี้จะไม่มีอาการตัวเขียว แต่อาการจะกลับกัน คือหน้าและตัวจะขาวซีดแทน อาจร้องไห้เล็กๆน้อยๆไม่มากเท่าแบบแรก แต่ดูน่าตกใจมากกว่า พ่อแม่อาจคิดว่าลูกจะเสียชีวิต รีบทำการเป่าปาก และช่วยหายใจ หรือบางรายที่มีความรู้เรื่องการช่วยชีวิตพื้นฐานก็ทำการกระตุ้นหัวใจ  และภายหลังจากที่ตัวอ่อนปวกเปียก เด็กก็อาจมีอาการตัวเกร็ง  หรืออาการกระตุกของแขนขาร่วมด้วย หลังจากนั้นเด็กมักจะหลับต่อไปสักครู่ และเมื่อตื่นขึ้นมาก็จะกลับเป็นเด็กปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเด็กเลย จนบางครั้งคนรอบข้างอาจมีความคิดว่าเด็กแกล้งทำ  ผมมีตัวอย่างคนไข้รายหนึ่งของผมจะเล่าให้ฟังครับ
คนไข้ของผมเป็นองค์หญิงน้อยแสนซน วัยเพียง 4 ปี ชื่อหนูน้อยอาเฟย อาเฟยมีสุขภาพแข็งแรง รูปร่างอ้วนท้วมสมบูรณ์ มีบุคลิกแบบหญิงแก่น แกร่งและห้าวหาญที่ไม่เคยยอมแพ้ใคร แถมยังฉลาดและเจ้าเล่ห์อีกด้วย   อาเฟยชอบเล่นชกต่อยกับพี่สาว และวิ่งไปมาในบ้าน วันหนึ่งขณะที่อาเฟยวิ่งหนีพี่สาว อาเฟยเกิดสะดุดขาของตนเองหกล้ม ศีรษะกระแทกพื้นเล็กน้อย ซึ่งคุณแม่ที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็เห็นเหตุการณ์ว่าการหกล้มนั้นไม่รุนแรง แต่อาเฟยกลับร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด  สักครู่หนึ่งก็หมดสติไปชั่วขณะ พร้อมกับมีอาการเกร็งและบิดช่วงคอและลำตัว ร่วมกับมีอาการตาเหลือก อาเฟยไม่ได้ปัสสาวะราดแต่อย่างไร อาการต่างๆมีอยู่ครู่หนึ่งก็กลับเป็นปกติ และอาเฟยก็ตื่นขึ้นมาวิ่งเล่นต่อไปได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  คุณแม่จึงพามาตรวจที่โรงพยาบาล ภายหลังการตรวจพบว่าอาเฟยปกติดีทุกอย่าง เหตุที่ทำให้คุณแม่ของอาเฟยพาอาเฟยพามาพบผม ไม่ใช่ว่ากังวลว่าลูกของตัวเองจะมีอาการชักหรือว่าจะมีโรคอะไรร้ายแรง แต่คุณแม่ต้องการคำตอบว่า ลูกสาวเป็นอะไร เนื่องจากคุณแม่กำลังสงสัยว่าอาเฟยแกล้งทำ ด้วยเหตุที่เป็นเด็กเจ้าเล่ห์  ซึ่งผลการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองที่ออกมาก็พบว่าปกติ คำตอบที่ผมวินิจฉัยอาเฟยคือ อาเฟยมีภาวะกลั้นหายใจในแบบที่สองนั่นเองครับ  โดยทั่วไปภาวะกลั้นหายใจแบบแรกจะพบได้บ่อยกว่าแบบที่สองถึงสามเท่าทีเดียวครับ และเด็กส่วนใหญ่จะเป็นเพียงแค่แบบใดแบบหนึ่งเท่านั้น น้อยมากที่จะพบภาวะทั้งสองแบบในคนเดียวกันครับ  และอาการเหล่านี้จะเกิดกับเด็กที่มักจะมีอายุน้อยกว่า 18 เดือน อาการเหล่านี้จะพบได้น้อยลงเมื่อเด็กโตขึ้น และมักจะพบในเด็กอายุไม่เกิน 4-5 ปีเท่านั้นครับ

     หลายคนมีคำถามว่าทำไมเด็กจึงหมดสติ
      ภาวะหมดสติที่ผมกล่าวถึงนี้เกิดจากการที่สมองไม่มีเลือดไปเลี้ยงชั่วขณะ คือ กลไกหลักของการเกิดอาการครับ ซึ่งเป็นกลไกเดียวกับการเกิดลมจับในผู้ใหญ่   ส่วนสาเหตุที่สมองไม่มีเลือดไปเลี้ยงชั่วขณะ เนื่องจากการเต้นของหัวใจลดช้าลงหรือหยุดเต้นชั่วคราว ทำให้ความดันโลหิตต่ำ และสาเหตุที่การเต้นของหัวใจช้าลงหรือหยุดเต้นชั่วคราว ก็เกิดจากการทำงานของก้านสมองที่ไวต่อสิ่งกระตุ้นไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความดันในช่องอกจากการร้องไห้ หรือความเจ็บปวด การตกใจ ทำให้ก้านสมองสั่งการทำงานมายังเส้นประสาทสมองคู่ที่ 10 ซึ่งควบคุมการทำงานของหัวใจ มีผลทำให้เด็กหมดสติ ครับที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้คือเหตุผลว่าทำไมการกลั้นหายใจแล้วถึงต้องหมดสตินั่นเอง คงไม่งงกันนะครับ   อาจกล่าวสรุปได้ว่า ภาวะนี้เกิดจากก้านสมองของเด็กมีความไวต่อตัวกระตุ้น ส่วนของหน้าและลำตัวที่เขียวก็เนื่องมาจากเลือดที่ไหลออกจากหัวใจช่องขวาเกิดการรั่ว ไม่ไหลเข้าสู่ปอดแต่กลับไหลตรงเข้าที่หัวใจช่องซ้าย ทำให้เลือดเหล่านั้นไม่มีออกซิเจนไปตามส่วนต่างๆของร่างกายนั่นเองครับ

    ทำไมเด็กถึงมีอาการตัวเกร็งเมื่อหมดสติเป็นเวลานาน
    อาการเกร็งอาจเรียกว่าอาการชักก็ได้ อาการนี้เกิดมาจากการขาดออกซิเจนชั่วขณะ (anoxic seizure) ไม่ใช่โรคลมชักแต่อย่างใด โดยทั่วไปอาการชักอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ขาดออกซิเจน ขาดน้ำตาล ไข้ขึ้นสูง เกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ ได้รับยาเกินขนาด หรือแม้กระทั่งเป็นโรคลมชักเองก็ตาม ซึ่งการชักจากการขาดออกซิเจนนั้นพบได้บ่อย ๆ ในทางการแพทย์ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก เด็กโต หรือผู้ใหญ่ อาการชักนี้เกิดได้ทั้งจากการที่สมองขาดออกซิเจน หรือถ้าออกซิเจนในเลือดของเราลดต่ำลงจากภาวะใด ๆ ก็ตาม หรือถ้าหัวใจเต้นเร็วเกินไป (เช่นมากกว่า 150 ครั้งต่อนาที) หรือช้าเกินไป (น้อยกว่า 40 ครั้ง/นาที) หรือหัวใจหยุดเต้นมากกว่า 4 วินาที หรือความดันโลหิตต่ำกว่าปกติ และสาเหตุของการที่สมองขาดออกซิเจนนั้นก็มีได้ตั้งแต่ สาเหตุง่าย ๆ จากการเป็นลม การกลั้นหายใจ การเบ่งเพิ่มความดันในช่องอก การเป็นโรคทั่วไป หรือแม้แต่โรคทางสมองจากก้านสมองถูกกดทับ แต่ในบทความฉบับนี้ที่ผมกล่าวถึงนั้น อาการกลั้นหายใจคือสาเหตุที่ทำให้หมดสติครับ เพราะเมื่อเด็กกลั้นใจ ทำให้สมองขาดออกซิเจน เด็กก็จะหมดสติและแขนขาอ่อนแรง ในรายที่สมองขาดออกซิเจนรุนแรง คือ การขาดออกซิเจนนานหรือมีออกซิเจนต่ำมาก ๆ  เซลประสาทในก้านสมองจะส่งคำสั่งยับยั้งการทำงานของแขนขา ทำให้มีผลตามมาคือ เด็กจะมีอาการเกร็งทั้งตัวหรือทำให้มองดูคล้ายกับเด็กกำลังมีอาการชัก แต่ถ้าตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองก็จะพบว่าผลการตรวจไม่มีลักษณะของโรคลมชัก หรือคลื่นไฟฟ้าที่ผิดปกติแบบโรคลมชักแต่อย่างใด

       พ่อแม่ต้องทำอย่างไร
อย่างที่ผมกล่าวข้างต้นว่าการกลั้นหายใจแล้วหมดสติทั้งสองแบบไม่มีอันตรายแต่ประการใด และสามารถหายได้เมื่อเด็กมีอายุมากขึ้น  แต่การอธิบายอาการเบื้องต้นเมื่อผู้ปกครองพาเด็กมาพบแพทย์เพื่อปรึกษาวินิจฉัยนั้นสำคัญมาก โดยเฉพาะถ้าพ่อแม่ถ่ายวีดีโอเก็บไว้ได้จะช่วยแพทย์ในการวินิจฉัยได้อย่างมากทีเดียว  แต่อย่างไรก็ดีเมื่อเด็กเกิดมีอาการเหล่านี้ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการรักษาที่ช่วยแยกโรคจากโรคลมชักคือ
- เด็กกำลังทำอะไรก่อนเกิดอาการ
- อะไรคือตัวกระตุ้นทำให้เด็กเกิดอาการ
- ขณะเกิดอาการเด็กมีร่างกาย ใบหน้า ผิวสีอะไร สีเปลี่ยนหรือไม่
- อาการแขนขา บิดเกร็ง กระตุกหรือไม่
- แขนขาอ่อนแรง 2 ข้างเท่ากันหรืออ่อนแรงด้านใดด้านหนึ่งหรือไม่
ดังนั้นถ้าลูกมีการกลั้นหายใจแล้วหมดสติจริงจะเกิดเหตุการณ์ตามขั้นตอนที่ผมกล่าวมาข้างต้นนี้เสมอ สรุปสั้นๆได้ คือ  ตัวเขียว หน้าเขียว หยุดหายใจ  และต่อมาก็หมดสติไปชั่วขณะ

    แพทย์จะทำอะไร
ในเด็กที่มีอาการกลั้นหายใจแบบไม่มีสีเปลี่ยนในแบบที่สองพบได้น้อยกว่าแบบแรก และแยกได้ยากมากจากโรคลมชักหรืออาการชัก ดังนั้นพ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะพามาพบแพทย์ด้วย สงสัยว่าลูกจะเป็นโรคลมชัก การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองจะเป็นปกติทั้งสองภาวะ ดังนั้นในรายที่พ่อแม่พาลูกมาพบแพทย์แล้วแจ้งให้ประวัติได้ละเอียดชัดเจน ลักษณะของอาการเข้าได้กับภาวะของการกลั้นหายใจแล้วหมดสติ ก็ไม่จำเป็นต้องมีการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม แต่หากได้ข้อมูลไม่ชัดเจนแพทย์อาจส่งตรวจในเรื่องของการทำคลื่นไฟฟ้าสมอง หรือการทำสแกนสมองด้วยคอมพิวเตอร์สมอง หรือคลื่นแม่เหล็กสมอง โดยเฉพาะในรายที่สงสัยว่าเด็กจะชักเท่านั้น แต่หากพบว่าการตรวจร่างกายมีข้อสงสัยว่าเด็กจะมีโรคหัวใจหรือหัวใจเต้นผิดปกติร่วมด้วย อาจต้องส่งตรวจเพิ่มเติมด้านหัวใจด้วยครับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเด็กแต่ละรายไป ส่วนการรักษาเด็กที่มีอาการกลั้นใจหมดสตินั้นโดยมากไม่จำเป็นต้องใช้ยาอะไรที่เฉพาะเจาะจง ส่วนใหญ่จะให้คำแนะนำแก่พ่อแม่ให้เข้าใจกลไกการเกิดโรคเท่านั้น ซึ่งผมจะแนะให้หลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการบ่อย ๆ ผมจะมีการใช้ยาเฉพาะในบางรายที่จำเป็นเท่านั้น ซึ่งผมจะไม่ขอกล่าวรายละเอียดในที่นี้ครับ
ผมขอเน้นอีกครั้งครับว่าภาวะกลั้นใจหมดสติที่ผมกล่าวถึง 2 แบบนี้ไม่มีอันตรายครับ ปลอดภัยหายห่วง แค่อาการที่ดูน่ากลัว น่าตกใจ เมื่อเกิดขึ้นในครั้งแรก แต่ถ้าเกิดบ่อย ๆ คุณพ่อ คุณแม่ก็จะชินไปเองครับ และภาวะนี้หายได้เมื่อเด็กโตขึ้นครับ