Make Appointment

โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ

26 Aug 2016 เปิดอ่าน 2414

  จากข้อมูลการสำรวจของสมาคมศัลยแพทย์ระบบปัสสาวะแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์พบว่า ร้อยละ 30 หรือ 1 ใน 3 ของชายไทยที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป จะมีอาการของโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction หรือ ED) เช่นเดียวกับผู้ชายทั่วโลก ผู้ชายจึงควรทำความรู้จักกับโรคนี้ให้ดี

การแข็งตัวขององคชาตเกิดขึ้นได้อย่างไร
     การแข็งตัวขององคชาตเกิดขึ้นได้ เมื่อหลอดเลือดแดงในอวัยวะเพศขยายตัวหลังได้รับการกระตุ้นทางเพศที่เหมาะสม ทำให้เลือดไหลเข้าไปในอวัยวะเพศมากขึ้นๆ แต่ไหลกลับออกไปสู่ร่างกายได้น้อยกว่า อวัยวะเพศจึงค่อยๆขยายตัวและแข็งขึ้นจนสามารถสอดใส่เข้าสู่ช่องคลอดได้

อย่างไรคือหย่อนสมรรถภาพทางเพศ

     โดยธรรมชาติ องคชาตของผู้ชายไม่จำเป็นต้องแข็งตัวได้ดี หรือแข็งตัวเต็มที่เหมือนกันทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ความเครียดจากการงาน ความอ่อนเพลียเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ หรืออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม จึงส่งผลให้องคชาตไม่แข็งตัวหรือแข็งตัวได้น้อยจนดูเหมือนเป็นปัญหา แต่ถ้าเป็นเพราะปัจจัยเหล่านี้ ก็จะเป็นโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศเพียงชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากทางการแพทย์จะถือว่าผู้ป่วยเป็นโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศก็ต่อเมื่อมีอาการต่อเนื่องกันนานประมาณ 6 เดือน

สาเหตุ
     สาเหตุของโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศแบ่งได้เป็น 2 สาเหตุหลัก ได้แก่

      สาเหตุทางกาย อันเนื่องมาจากผู้ป่วยมีปัญหาสุขภาพด้านอื่นๆ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงก่อให้เกิดโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เช่น ป่วยด้วยโรคทางระบบหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ โรคอ้วน เบาหวาน หรือป่วยด้วยโรคทางระบบประสาท โดยโรคที่มีปัจจัยเสี่ยงสูงสุดคือเบาหวาน เนื่องจากเป็นโรคที่มีผลกระทบทั้งต่อระบบหลอดเลือดและระบบประสาท นอกจากนี้ยังมีเรื่องของมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งการผ่าตัดรักษาอาจส่งผลต่ออาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ค่อนข้างสูง

      สาเหตุทางด้านจิตใจ หากไม่ใช่โรคทางจิตเวชโดยตรง เช่น โรคซึมเศร้า ก็มักมีสาเหตุมาจากความเครียด ความวิตกกังวล เช่น วิตกกังวลว่าจะทำไม่สำเร็จ โดยผู้ป่วยบางรายเคยประสบความล้มเหลวในการมีเพศสัมพันธ์มาแล้วหนึ่งหรือสองครั้ง โดยอาจจะมีสาเหตุมาจากการขาดประสบการณ์หรือความไม่พร้อมในบางด้าน ไม่ได้เกี่ยวกับโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศแต่อย่างใด แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ขาดความมั่นใจ กลัวจะต้องพบกับความล้มเหลวเหมือนเช่นที่ผ่านมา ภาวะวิตกกังวลนี้เรียกว่า “Performance Anxiety” ซึ่งจะส่งผลต่อระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้เลือดเข้าไปเลี้ยงองคชาตได้น้อยลง จนไม่สามารถแข็งตัวได้ ทั้งที่หลอดเลือดก็ไม่ได้มีความผิดปกติใดๆ

การวินิจฉัย
     ปัญหาทางเพศของผู้ชายแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ

      - การหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (erectile dysfunction) หมายถึง การที่องคชาตไม่สามารถแข็งตัว หรือแข็งตัวได้น้อยมาก จนไม่สามารถสอดใส่และทำให้การร่วมเพศประสบความสำเร็จได้ หรือในบางรายอาจสอดใส่ได้ แต่กลับอ่อนตัวลงทั้งที่ยังไม่มีการหลั่ง ซึ่งโดยปกติองคชาตจะอ่อนตัวลงหลังจากถึงจุดสุดยอดและมีการหลั่งน้ำอสุจิแล้ว

      - การหลั่งเร็ว (premature ejaculation) หรือที่มักเรียกกันในเชิงล้อเลียนว่า ล่มปากอ่าว หรือนกกระจอกไม่ทันกินน้ำ อาการกลุ่มนี้จะแตกต่างจากกลุ่มแรกตรงที่การแข็งตัวขององคชาตไม่ได้เสียไป องคชาตยังคงแข็งตัวและสอดใส่ได้ เพียงแต่สอดใส่ได้ไม่นานก็ถึงจุดสุดยอด เกิดการหลั่งของน้ำอสุจิเร็วกว่าที่ตั้งใจไว้

      - ไม่มีความต้องการทางเพศ (loss of sexual desire) [P1]ส่วนใหญ่จะเป็นไปตามช่วงวัย มักพบในผู้สูงอายุ โดยสาเหตุส่วนหนึ่งอาจมาจากฮอร์โมนเพศชายที่ลดลง แต่พบได้น้อยเนื่องจากฮอร์โมนเพศชายจะหมดช้า แตกต่างจากฮอร์โมนเพศหญิงที่พอหมดช่วงวัยก็จะลดลงค่อนข้างรวดเร็ว

      เมื่อปัญหาทางเพศที่พบในผู้ชายแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มข้างต้น ในการตรวจวินิจฉัย แพทย์จึงจำเป็นต้องซักถามผู้ป่วยให้ชัดเจนถึงอาการที่เกิดขึ้นว่าอยู่ในกลุ่มใด เพื่อจะดำเนินการรักษาได้อย่างตรงจุด เนื่องจากยังมีความสับสนอยู่มาก เช่น บางคนเข้าใจว่า อาการล่มปากอ่าว กับ หย่อนสมรรถภาพทางเพศ อยู่ในกลุ่มเดียวกัน หรือบางคนเข้าใจว่าตนเองเป็นปัญหาในกลุ่มที่สามคือไม่มีความต้องการทางเพศแล้ว แต่พอซักถามอย่างละเอียดกลับกลายเป็นว่า อันที่จริงยังมีความต้องการทางเพศอยู่ แต่องคชาตไม่สามารถแข็งตัวได้ก็มี หรือในบางรายอาจพบอาการในกลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 ร่วมกัน ตัวอย่างเช่น คนที่เผชิญภาวะล่มปากอ่าวบ่อยๆ อาจเกิดความวิตกกังวลในการมีเพศสัมพันธ์มากจนกระทั่งองคชาตไม่ยอมแข็งตัว หรือในรายที่เป็นโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศก็เกรงว่าองคชาตจะอ่อนตัวลงก่อนการหลั่ง จึงเร่งรีบที่จะทำให้เสร็จ กลายเป็นการหลั่งเร็วไปก็มี

การรักษา
      การใช้ยา โดยยาที่ใช้จะมีกลไกทำให้หลอดเลือดบริเวณอวัยวะเพศเกิดการขยายตัว ทำให้เลือดไหลเวียนเข้าสู่อวัยวะเพศได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้การแข็งตัวดีขึ้นและนานขึ้น แต่ยาจะได้ผลก็ต่อเมื่อมีกลไกทางธรรมชาติเข้ามาเสริมฤทธิ์ กล่าวคือ หลังจากรับประทานยาแล้วประมาณครึ่งชั่วโมง ผู้ป่วยจะต้องมีการกระตุ้นทางเพศ องคชาตจึงจะแข็งตัว เพราะตัวยาจะออกฤทธิ์ก็ต่อเมื่อร่างกายมีการหลั่งสารที่เกิดจากการกระตุ้นให้มีเพศสัมพันธ์ ไม่ใช่รับประทานยาแล้วนั่งรอเฉยๆ ให้องคชาตแข็งตัวเอง ยาก็จะไม่ได้ผล ทั้งนี้ในส่วนของการใช้ยา ผู้ป่วยควรสอบถามวิธีการใช้จากแพทย์ผู้ทำการรักษาอย่างละเอียด เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

      การใช้กระบอกสุญญากาศ ลักษณะเหมือนกระบอกพลาสติก ใช้สวมครอบองคชาต ตรงปลายกระบอกจะมีท่อต่อกับลูกบีบ คล้ายลูกบีบวัดความดันเพื่อดูดเอาอากาศออก ด้วยวิธีนี้เลือดจะวิ่งเข้ามาคั่งอยู่ในองคชาต ทำให้เกิดการแข็งตัว ก่อนเอาอุปกรณ์ออกต้องใช้อุปกรณ์สำหรับรัด รัดบริเวณโคนขององคชาตเพื่อกันไม่ให้เลือดไหลกลับ หลังจากมีการร่วมเพศแล้ว จึงค่อยดึงอุปกรณ์รัดนั้นออก ซึ่งกระบอกสุญญากาศนี้สามารถซื้อหาได้ง่าย และราคาไม่แพงเกินไป แต่ผู้ป่วยบางคนก็ไม่ชอบ เพราะรู้สึกว่ามีขั้นตอนยุ่งยากและไม่เป็นธรรมชาติ

      การผ่าตัดใส่แกนอวัยวะเพศเทียม เป็นการผ่าตัดใส่แท่งซิลิโคนเข้าไปในองคชาต เพื่อให้องคชาตแข็งตัว ซึ่งแท่งซิลิโคนนี้มีอยู่ 2 แบบคือ แบบที่เป็นซิลิโคนทั้งแท่ง ทำให้องคชาตแข็งตัวอยู่ตลอด แต่สามารถหักพับงอได้ กับแบบเป็นแท่งซิลิโคนที่ตรงกลางเป็นช่องว่างเพื่อใส่น้ำเข้าไป โดยกลไกเก็บน้ำและตัวปั๊มจะอยู่ที่บริเวณถุงอัณฑะ เมื่อมีเพศสัมพันธ์และต้องการให้องคชาตแข็งตัว ให้บีบที่ตัวปั๊ม น้ำที่เก็บกักไว้ก็จะไหลเข้าไปตรงช่องว่างของแท่งซิลิโคน เมื่อสิ้นสุดการใช้งาน น้ำในแท่งซิลิโคนก็จะถูกดูดกลับไปไว้ยังที่กักเก็บเช่นเดิม การรักษาโดยวิธีนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยม เนื่องจากยุ่งยาก เจ็บตัว และมีราคาแพง

ข้อควรพิจารณาในการรักษา
      ปัจจุบัน เริ่มมีการปรับมุมมองของแนวคิดในการรักษาให้กว้างขึ้น จากเดิมที่มุ่งความสำคัญไปที่โรคว่าทำอย่างไรจะให้สมรรถภาพที่เสื่อมไปกลับคืนมา โดยปรับเป็นการมองที่ “เป้าหมาย” ของการมีเพศสัมพันธ์ตามความคิดของแต่ละบุคคลเป็นหลัก พร้อมทั้งพิจารณาว่าโรคที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของเขาและคู่ครองหรือไม่อย่างไร

      เนื่องจากเท่าที่มีผู้ป่วยมาปรึกษาและรับการรักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศพบว่า ในผู้ป่วยบางกลุ่ม แม้การรักษาจะประสบความสำเร็จ แต่สัมพันธภาพในครอบครัวก็ไม่ได้ดีขึ้น เพราะฝ่ายหญิงไม่ได้มีความต้องการในเรื่องเหล่านี้แล้ว บางรายกลับกลายเป็นเรื่องผิดศีลธรรม เมื่อฝ่ายชายเลือกที่จะไปปลดปล่อยแสวงหาความสำราญในเรื่องเพศกับหญิงอื่น นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยบางกลุ่ม ซึ่งทั้งคู่ครองและตัวผู้ป่วยเองไม่ได้สนใจเรื่องเพศแล้ว อาการของโรคที่เกิดขึ้นจึงไม่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ในกรณีนี้ก็ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา

      ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สามีภรรยาควรหันหน้าเข้าหากัน สื่อสารทำความเข้าใจในความต้องการของกันและกันอย่างตรงไปตรงมา จริงใจกับคู่ครองของตนเอง ซึ่งเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะป้องกันและส่งเสริมสุขภาพทางเพศ รวมทั้งแก้ไขปัญหาทางเพศได้ เพราะบางครั้งฝ่ายหญิงไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น คำพูดหรือการกระทำที่ออกมา แทนที่จะเสริมให้กำลังใจซึ่งกันและกัน กลับกลายเป็นทำร้ายจิตใจ ให้ฝ่ายชายท้อถอยลงไปอีก แต่ถ้ามีการสื่อสารระหว่างกัน สัมพันธภาพต่างๆ อาจจะดีขึ้น มีความรักความเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น

      นอกจากนี้เรายังควรตอบตัวเองให้ได้ว่าเป้าหมายของเพศสัมพันธ์คืออะไร มีองค์ประกอบอะไรบ้าง ใช่การไปให้ถึงจุดสุดยอดทางกายเพียงอย่างเดียวหรือเปล่า หรือเพื่อความสุขทางใจเป็นสำคัญ การมีเพศสัมพันธ์ที่สมบูรณ์ควรประกอบด้วย 3 ขั้นตอนคือ เชิญชวนและเล้าโลม ตามมาด้วยการร่วมเพศ และจบลงด้วยการให้รางวัลแก่กัน หากเปรียบกับการกินอาหาร อะไรคืออาหารจานหลักของการมีเพศสัมพันธ์ ขั้นตอนไหนให้ความสุขทางกาย หรือ ความสุขทางใจมากกว่ากัน โดยปกติควรให้เวลากับการเล้าโลมมากๆ เพราะนอกจากเป็นการเตรียมความพร้อมทั้งทางกายและใจของทั้งสองฝ่ายแล้ว ยังเป็นการให้ความสุข ความใกล้ชิดสนิทสนม ความรักใคร่เสน่หา และความเข้าใจถึงความต้องการทางเพศของกันและกันมากขึ้น ถ้าเรามาลองคิดทบทวนถึงเป้าหมายจริงๆ และองค์ประกอบที่เกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ที่ทำให้ถึงเป้าหมายนั้น ก็น่าจะทำให้เรามีความสุขได้ถึงแม้จะเป็นโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศก็ตาม

หย่อนสมรรถภาพทางเพศก็มีประโยชน์
      แง่ดีของการเป็นโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศคือ อาจจะทำให้ผู้ป่วยที่ไม่ทราบว่าตัวเองมีปัญหาสุขภาพอื่นๆ แฝงอยู่ เช่น เป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือมีโรคหัวใจ ได้ทราบความจริง เพราะตามปกติเมื่อผู้ป่วยไปรับการตรวจเพื่อหาสาเหตุที่ทำให้มีอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ แพทย์ก็จะพยายามหาปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น เจาะตรวจเบาหวาน วัดความดัน เช็คหัวใจ รวมทั้งซักประวัติ เมื่อผู้ป่วยทราบว่าตัวเองมีโรคพวกนี้ซ่อนอยู่ก็จะได้ทำการรักษาแต่เนิ่นๆ เพราะฉะนั้นหากมีอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ แม้ว่าตนเองจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องเพศแล้ว ก็ควรจะไปเข้ารับการตรวจเพื่อหาสาเหตุจะดีกว่า

 

รศ.นพ.อนุพันธ์ ตันติวงศ์

* ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.healthtoday.net/thailand/disease/diisease_140.html