นัดพบแพทย์

หวัดเรื้อรังจากภูมิแพ้ในเด็ก

06 Sep 2016 เปิดอ่าน 2208

โรคภูมิแพ้  คือ  ภาวะโรคที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีปฏิกิริยาต่อสารแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย ที่คนปกติทั่วไปไม่มี  อาการจะเกิดขึ้นเมื่อคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ไปสัมผัส หรือรับเอาสารที่แพ้เข้าไปในร่างกาย  โรคภูมิแพ้เป็นโรคที่พบได้บ่อยในคนไทย  โดยเฉพาะโรคแพ้อากาศอย่างเดียว พบได้ประมาณ 20%  ของประชากรทั้งหมด  และพบมากในเมืองหลวงที่มีมลพิษในอากาศมาก

โรคภูมิแพ้ที่พบบ่อย  คือ  โรคภูมิแพ้ซึ่งเกิดขึ้นกับระบบทางเดินหายใจ  ได้แก่  หวัดเรื้อรังจากโรคภูมิแพ้  หอบหืด  นอกจากนี้  โรคภูมิแพ้อาจจะเกิดขึ้นกับระบบของร่างกาย  เช่น  ลมพิษ  ตาแพง  ตามัว  หรือระบบทางเดินอาหาร  ทำให้ท้องเดิน  ท้องเสียบ่อย ๆ

เด็กที่เป็นโรคภูมิแพ้ทางจมูกที่เรียกว่า  หวัดเรื้อรังจากภูมิแพ้  จะมีอาการที่พบแพทย์ คือ  คัดจมูก  น้ำมูกไหล  คันจมูก และจามบ่อย  โดยเฉพาะเวลาไปสัมผัสกับสารที่แพ้ หรือมีการเปลี่ยนแปลงของอากาศ  จนบางครั้งเราเรียกว่า โรคแพ้อากาศ  ซึ่งอากาศต่าง ๆ เหล่านี้จะมีมากพอที่จะรบกวนสมาธิ  การเรียน  การนอน  การพักผ่อนของเด็ก

โรคหวัดเรื้อรัง  ถ้าไม่ได้รับการรักษา  และปล่อยให้มีอาการเป็นเวลานาน ๆ อาจจะทำให้มีโรคแทรกซ้อนได้  เช่น  ไซนัสอักเสบ  หูชั้นกลางอักเสบ  ริดสีดวงจมูก  ไอเรื้อรัง  หอบหืด ได้  พบว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคแพ้อากาศ ร้อยละ 40 จะเป็นโรคไซนัสอักเสบร่วมด้วย  ในขณะที่เด็กที่เป็นไซนัสอักเสบเรื้อรัง 70-80% จะมีโรคแพ้อากาศเป็นสาเหตุชักนำ

สารก่อภูมิแพ้

สารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ที่พบได้บ่อย ๆ ในเด็ก  ดังนี้

ฝุ่นในบ้าน

ฝุ่นที่ทำให้เกิดการแพ้  มักจะเป็นฝุ่นในบ้าน  โดยเฉพาะในห้องนอน  ซึ่งเป็นสารที่เกิดจากองค์ประกอบต่าง ๆ  เช่น  ซากแมลงต่าง ๆ  รังแค และขี้ไคล ของคนและสัตว์  ใยอาหารและวัสดุต่าง ๆ  การสลายตัวของที่นอน  หมอนมุ้ง  หนังสือและเสื้อผ้าเก่า ๆ  เป็นต้น

ตัวไรฝุ่น

เราจะพบเชื้อราอยู่ในอากาศ  อาศัยอยู่ในฝุ่น และกินขี้ไคลหรือรังแคของคนชอบอยู่ในที่มืด และอุณหภูมิไม่สูงมากนัก  ถ้าโดนแสงแดดจัดจะตาย

เชื้อรา

เราจะพบเชื้อราอยู่ในอากาศ  โดยเฉพาะในที่อับชื้น  ซึ่งเป็นสารที่ก่อภูมิแพ้ที่สำคัญ และหลีกเลี่ยงได้ยากอันหนึ่ง

ขนและรังแคของสัตว์

จำพวกสุนัข แมว เป็ด ไก่ นก ละอองเกสรหญ้าและดอกไม้  ที่พบบ่อยในบ้านเรา  ได้แก่  หญ้าแพรก  หญ้าขน  กระถินณรงค์  ข้าวโพด  มะพร้าว

ซากเศษแมลงสาบ

นอกจากนี้อาจจะเกิดจากนุ่น  สเปรย์ฉีดผม  ยาฆ่าแมลง  อาหาร และยาบางชนิด  เช่น  อาหารทะเล  ไข่  นม  เป็นต้น

 ปัจจัยเสริมที่ทำให้เกิดอาการได้ง่ายขี้น

1. การเปลี่ยนแปลงของอากาศ

ส่วนใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงของอากาศหรือกระทบอากาศเย็น  แต่บางคนมีอาการตอนอากาศร้อน หรือเวลาโดนลมพัด

2. ระคายเคืองต่อเยื่อบุทางเดินหายใจ

จากควันบุหรี่  ท่อไอเสียรถยนต์  คลอรีนในสระน้ำ

3. ร่างกายอ่อนเพลีย

อดหลับอดนอน  และอารมณ์ตึงเครียด

 การรักษาโรคภูมิแพ้

มีหลายประการ  วิธีที่สำคัญ  คือ  การหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้  ออกกำลังกาย และการพักผ่อนให้เพียงพอ  อันดับต่อมา คือ  การใช้ยาระงับอาการ และการฉีดสารภูมิแพ้ เพื่อพระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานสารที่แพ้นั้น

1. การหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้

เป็นหลักของการรักษา  โดยพยายามหลีกเลี่ยงสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ให้มากที่สุด  กระทำได้โดย

  • ห้องนอนเป็นสิ่งสำคัญ  เพราะเด็กจะใช้เวลาอยู่นานถึง 7-8 ชั่วโมง  ดังนั้นจำเป็นต้องกำจัดสิ่งที่แพ้ออกจากห้องนอนให้หมด  โดยจัดให้มีของอยู่น้อยที่สุด  เพื่อทำความสะอาดได้ง่ายและไม่เป็นที่กักเก็บฝุ่น  ควรเป็นห้องปรับอากาศที่ควบคุมไม่สูง และต่ำเกินไป  มีการถ่ายเทอากาศที่ดี  ที่นอนและหมอนควรตากแดดบ่อย ๆ เพื่อกำจัดตัวไรฝุ่น  หลีกเลี่ยงการใช้ที่นอนที่ทำจากนุ่น  ควรใช้เป็นใยสังเคราะห์
  • ไม่ควรเลี้ยงสัตว์มีขน เช่น แมว หมา ไว้ในบ้าน
  • หลีกเลี่ยงละอองเกสรดอกไม้ หญ้า วัชพืช สิ่งระคายเคืองต่าง ๆ จำพวกควันบุหรี่ ควันท่อไอเสียรถยนต์
  • กำจัดแมลงต่าง ๆ โดยเฉพาะแมลงสาบ
  • ภายในบ้านอย่าให้มีบริเวณอับทึบ และชื้น  เพราะจะเป็นการเพิ่มปริมาณเชื้อราของอากาศในบ้าน
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้  เช่น  อาหารทะเล หรืออาหารที่ทำมาจากเชื้อราและยีสต์

2. การใช้ยาระงับอาการ

  • ยาแก้แพ้ มีหลายชนิด  ทั้งกินวันละครั้ง  จนถึงกินวันละสามเวลา  กินแล้วง่วงนอนและไม่ง่วงนอน  การเลือกใช้ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์
  • ไม่แนะนำให้ใช้ยาหยอดจมูกเพื่อให้จมูกโล่ง  เพราะถ้าใช้นาน ๆ จะทำให้เยื่อบุบวมมากขึ้น และอาการคัดจมูกเป็นมากกว่าเดิมได้
  • ยาพ่นรักษา ซึ่งเป็นกลุ่มสเตียรอยด์  ได้ผลดี และมีผลข้างเคียงน้อย  ใช้ในเด็กได้  แต่มีราคาแพง

3. การฉีดสารภูมิแพ้

เป็นการรักษาโดยการฉีดสารสกัดจากสิ่งที่ผู้ป่วยแพ้เข้าไปครั้งละน้อย ๆ  และค่อย ๆ เพิ่มจำนวนตามลำดับ  จนผู้ป่วยมีภูมิต้านทานต่อสิ่งที่แพ้ และมีอาการดีขี้น 

ข้อเสีย คือ ต้องฉีดยาอย่างสม่ำเสมอเป็นเวลานาน 3-5 ปี  แนะนำให้ใช้ในเด็กเล็กอายุ 5 ปีขี้นไปที่มีอาการหวัดเรื้อรังรุนแรง และเป็นบ่อย  รวมทั้งใช้ยาแล้วไม่สามารถควบคุมอาการได้

4. การรักษาด้วยการผ่าตัด

ใช้เป็นการรักษาร่วมกับการรักษาข้างต้น  ในเด็กที่มีภาวะแทรกซ้อนจากภูมิแพ้  เช่น  ริดสีดวงจมูก หรือไซนัสอักเสบ  เพื่อให้อาการคัดจมูกดีขึ้น  แต่เป็นที่โชคดีของเด็ก  ที่ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ไม่ค่อยพบในเด็ก  และถึงแม้ว่าจะพบ  ส่วนใหญ่ก็สามารถรักษาหายได้ด้วยยารักษา

 

พอ.นพ. กรีฑา ม่วงทอง

* ขอบคุณข้อมูลจาก : http://followhissteps.com/web_health/ar.html