นัดพบแพทย์

อาหารสำหรับคุณแม่…เพื่อลูกน้อยในครรภ์

03 Mar 2017 เปิดอ่าน 1568

เพราะลูกน้อยในครรภ์เปรียบเหมือนดวงใจของแม่   ดังนั้นอาหารที่มีประโยชน์ย่อมส่งผลต่อพัฒนาการของทารกในทุกช่วงสัปดาห์…

ตลอดระยะเวลาของการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ เด็กควรจะต้องได้รับสารอาหารจากคุณแม่อย่างครบถ้วน  เพราะการทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ และครบหมวดหมู่ จะมีผลช่วยให้เด็กมีการเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์แบบ  ทั้งนี้การรับประทานอาหารของคุณแม่ ก็ควรคำนึงถึงน้ำหนักที่จะเพิ่มขึ้นด้วย

สำหรับน้ำหนักโดยรวมของคุณแม่ควรขึ้นกี่กิโลกรัมนั้นจะคำนวนจากดัชนีมวลกาย  (BMI = น้ำหนัก(กิโลกรัม))   หารด้วยส่วนสูง(เมตร)ยกกำลัง2

มารดาที่มีดัชนีมวลกาย

ต่ำ           BMI < 19.8               ตลอดการตั้งครรภ์น้ำหนักขึ้นได้    12.5-18    กิโลกรัม

ปกติ        BMI  19.8-26            ตลอดการตั้งครรภ์น้ำหนักขึ้นได้    11.5-16    กิโลกรัม

สูง           BMI  26-29               ตลอดการตั้งครรภ์น้ำหนักขึ้นได้    7-11.5     กิโลกรัม

ดังนั้นมารู้จักกับอาหารที่เหมาะสมกับการตั้งครรภ์ในแต่ละช่วงอายุครรภ์ ดังนี้

ช่วง เดือนแรกของการตั้งครรภ์

ช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์เป็นระยะที่ทารกในครรภ์มีการสร้างอวัยวะต่างๆในร่างกาย  ดังนั้นมารดาควรได้รับอาหารให้ครบ5หมู่ และที่ขาดไม่ได้คือ โฟลิกแอสิด (folic acid)  โดย  พบมากในอาหารจำพวกผักใบเขียว  และไอโอดีน  ที่ได้จากอาหารทะเล และเกลือแกงที่ใช้ในการปรุงอาหาร    ซึ่งมีส่วนในการเจริญเติบโตและการพัฒนาของสมองและระบบประสาท

ช่วง 4-6 เดือน  

ในช่วงไตรมาสที่สอง  แคลเซี่ยม มีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโต ของทารกในครรภ์ ดังนั้น  มารดาควรได้รับแคลเซี่ยม 1,000-1,500  มิลลิกรัมต่อวัน   ซึ่งได้จากอาหารจำพวก อาหารทะเล ปลาตัวเล็กที่รับประทานได้ทั้งกระดูก

ช่วง  7-9  เดือน

ช่วงสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ทารกในครรภ์ควรได้รับสารอาหารให้ครบถ้วนเพื่อการเพิ่มขนาดและน้ำหนักตัวของทารก อาหารที่เน้นสำหรับคุณแม่คืออาหารจำพวกโปรตีน ซึ่งได้จากเนื้อสัตว์ นม และไข่

สรุปคือ ตลอดระยะเวลาของการตั้งครรภ์มารดาควรต้องได้รับสารอาหารที่ครบทั้ง 5 หมู่  ไม่จำเป็นต้องดื่มนม หรือทานอาหารอย่างใดอย่างหนึ่งมากเป็นพิเศษ แต่ ควรได้รับสารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบเพื่อทารกในครรภ์ที่สมบูรณ์แข็งแรง และน้ำหนักของคุณแม่ที่ไม่มากจนเกินไปในช่วงตลอดการตั้งครรภ์ค่ะ

โดย : พญ. พัทธนันท์ มัตตะธนาพันธ์

ขอบคุณบทความจาก : https://www.samitivejhospitals.com/th/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88/