นัดพบแพทย์

ลดเสี่ยง “ภูมิแพ้”ในเด็ก..เมื่อแม่เด็กต้องผ่าคลอด

03 Aug 2016 เปิดอ่าน 792

“โรคภูมิแพ้” เกิดมาคู่กับเด็กหลายคน แต่จะทำอย่างไรให้ลูกน้อยห่างไกล การเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ลูก จึงเป็นหน้าที่หลักของคุณพ่อคุณแม่ และต้องช่วยสร้างภูมิต้านทานให้ลูกเพิ่มเป็น 2 เท่า เนื่องจากโรคภูมิแพ้เกิดจากหลายปัจจัย การประเมินความเสี่ยง จากประวัติโรคภูมิแพ้ในครอบครัว จะมีส่วนช่วยให้ทราบว่า ทารกมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้สูงหรือไม่

          รศ.พญ.จรุงจิตร์ งามไพบูลย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายว่า วิธีนี้จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่รับมือ ด้วยการป้องกันโรคภูมิแพ้ของทารกไว้แต่เนิ่น ๆ อย่างถูกต้องทันท่วงที นอกจากนั้นการศึกษาพบว่า แม้แต่ทารกที่พ่อแม่ไม่เป็นโรคภูมิแพ้เลย ลูกก็มีโอกาสเป็นได้ร้อยละ15 หากพ่อหรือแม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นโรคภูมิแพ้ ลูกที่เกิดมาจะมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ร้อยละ 40 ถ้าทั้งพ่อและแม่เป็นโรคภูมิแพ้ โอกาสที่ลูกจะเป็นโรคภูมิแพ้มีมากถึงร้อยละ 70 กรรมพันธุ์จึงเป็นสาเหตุหลักของการเป็นภูมิแพ้ในเด็ก ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

          ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้ กล่าวต่อว่า นอกจากกรรมพันธุ์ซึ่งเป็นสาเหตุหลักแล้วยังพบว่า การคลอดด้วยการ “ผ่าคลอด” ทำให้เด็กมีความเสี่ยงในการเป็นภูมิแพ้มากกว่าเด็กที่คลอดแบบธรรมชาติ 3 เท่า ถ้าแม่เป็นโรคภูมิแพ้ด้วย เด็กจะมีความเสี่ยงสูงถึง 9 เท่า ในขณะที่การคลอดแบบธรรมชาติ เมื่อเด็กผ่านช่องคลอดจะได้สัมผัส กับแบคทีเรียที่ดี หรือจุลินทรีย์สุขภาพภายในบริเวณช่องคลอด ซึ่งจะไปเป็นเชื้อบุกเบิกเข้าไปอยู่ในลำไส้ของเด็กทารก (Early Colonization) และเติบโตเพิ่มจำนวนอยู่ในลำไส้ ถ้ามีอยู่มากระบบภูมิต้านทานของเด็ก จะดีและกลายเป็นเด็กที่มีสุขภาพแข็งแรง ขณะเดียวกันสิ่งแวดล้อมเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่พบบ่อยที่สุดว่า ส่งผลต่อการเกิดโรคภูมิแพ้ในเด็ก ซึ่งลักษณะการแพ้ที่พบได้โดยทั่วไป ได้แก่ การแพ้อาหาร อากาศ และยาปฏิชีวนะ เป็นต้น อย่างไรก็ตามมีงานวิจัยจำนวนมากที่บ่งชี้ว่า การให้เด็กกินนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรก จะช่วยลดโอกาสการเกิดโรคภูมิแพ้ในเด็กได้

          “6 เดือนแรกของการให้นมลูก นับเป็นช่วงนาทีทองของลูกน้อย ในการสร้างภูมิต้านทานที่ดี การได้ดื่มนมแม่เป็นวิธีลดความเสี่ยงของการเกิดโรคภูมิแพ้ได้ดีที่สุด เนื่องจากในน้ำนมแม่มีสารอาหารที่เป็นใยอาหารสุขภาพ (พรีไบโอติก) ที่จุลินทรีย์ในลำไส้ (โพรไบโอติก) ชื่นชอบ ซึ่งจะช่วยให้เด็กทารกเติบโตได้ดี รวมถึงทำให้ระบบภูมิต้านทานของเด็กทารกหลังคลอดปรับไปในด้านดี หากแม่ไม่สามารถให้นมลูกได้ การให้นมที่มีส่วนผสมของจุลินทรีย์และอาหารของจุลินทรีย์ หรือซินไบโอติก ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับนมแม่สามารถช่วยสร้างจุลินทรีย์ในลำไส้ได้เช่นกัน” รศ.พญ.จรุงจิตร์ กล่าว

          รศ.พญ.จรุงจิตร์ กล่าวว่า การพัฒนาของจุลินทรีย์ในลำไส้ ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่ดีนั้นจะอยู่ในกลุ่มของบิฟิโดแบคทีเรียม และหนึ่งในสายพันธุ์ที่ดีที่สุดคือ เบรเว่ เอ็ม 16 วี (Health beneficial bacteria) มีผลงานวิจัยรองรับว่ามีคุณสมบัติเด่นในการช่วยลดอาการภูมิแพ้ เมื่อผสานกับใยอาหารที่ละลายน้ำได้สูตรเฉพาะ scGOS/lcFOS สัดส่วน 9:1 จะช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ในเด็กทารกที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบ บรรเทาผื่นภูมิแพ้จากผ้าอ้อม และช่วยเสริมการทำงานของระบบทางเดินอาหาร รวมถึงป้องกันอาการที่เกี่ยวกับโรคหืดหอบได้ แม้การผ่าคลอดอาจส่งผลต่อภูมิต้านทานของลูกน้อย ทำให้เขามีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคภูมิแพ้ได้ง่ายกว่าเด็กทั่วไป แต่ธรรมชาติก็สร้างกลไกของการป้องกันด้วยน้ำนมแม่ที่มากคุณค่า แต่หากลูกรักไม่สามารถสร้างเกราะให้ตัวเองด้วยวิธีทางธรรมชาติ คุณแม่สามารถปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์เพื่อขอคำแนะนำได้

* ขอบคุณข้อมูลจาก : เว็บไซด์เดลินิวส์ออนไลน์