คุณมีปัญหาความดันโลหิตสูงที่ควบคุมได้ยากบ้างไหม เช่นใช้ยาลดความดันหลายตัวและยาแต่ละชนิดในขนาดที่สูงแล้วก็ยังคุมความดันโลหิตไม่ได้ หรือต้องใช้ยาลดความดันหลายตัวกว่าจะคุมความดันโลหิตได้
ปัจจุบันมีทางเลือกให้คุณด้วยนวัตกรรมใหม่ในการรักษาความดันโลหิตสูง โดย การใช้สายสวนจี้เส้นประสาทอัตโนมัติบริเวณหลอดเลือดแดงไต (Renal denervation) วิธีนี้จะทำให้คุณใช้ยาลดลงในการควบคุมความดันโลหิตให้ปกติ หรืออาจไม่ต้องใช้ยาในการทำให้ความดันโลหิตลดลงได้
นวัตกรรมใหม่ในการรักษาผู้ป่วยความดันโลหิตสูง
(New innovation in treatment of hypertension)
ความดันโลหิตสูงถือเป็นโรคเรื้อที่พบมากเป็นอันดับต้นๆของโลก รวมถึงในประเทศไทย ผู้ที่เป็นความดันโลหิตสูงจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคของหลอดเลือดตามทุกส่วนของร่างกาย เช่น ภาวะหลอดเลือดสมองตีบ หรือแตก, โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ, โรคหลอดเลือดแดงใหญ่ในช่องอกและช่องท้องโป่งพอง, โรคไตวายทั้งฉับพลันและเรื้อรัง, โรคหลอดเลือดขาตีบ เป็นต้น
การรักษาความดันโลหิตสูงนั้นประกอบไปด้วยหลายวิธี ตั้งแต่การควบคุมอาหารโดยหลีกเลี่ยงอาหารที่มีปริมาณโซเดียมสูง เช่นอาหารเค็ม ชูรส ผงฟู การออกกำลังกายสม่ำเสมอ และการใช้ยาเพื่อควบคุมความดัน ในปัจจุบันมียาที่ใช้ในการรักษาความดันโลหิตสูงหลายกลุ่มซึ่งมีกลไกการออกฤทธิ์ของยาแตกต่างกันไป
อย่างไรก็ตามมีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่ภาวะความดันโลหิตสูงนั้นไม่สามารถควบคุมด้วยการปฏิบัติตัวหรือการใช้ยา หรือต้องใช้ยาลดความดันหลายตัวเพื่อควบคุมความดันให้ปกติ ซึ่งมีทำให้มีความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงของยาแต่ละประเภทรวมไปถึงปฏิกริยาระหว่างยาที่ใช้อยู่หลายชนิด
การใช้สายสวนจี้เส้นประสาทอัตโนมัติบริเวณหลอดเลือดแดงไต (Renal denervation)
เป็นวิธีการรักษาแบบใหม่ โดยอาศัยหลักการว่าโดยปกติแล้วร่างกายจะมีระบบประสาทอัตโนมัติมาควบคุมการทำงานบริเวณหลอดเลือดแดงไต โดยจะควบคุมการหดตัวคลายตัวของหลอดเลือด รวมถึงควบคุมการทำงานของระบบฮอร์โมนที่ใช้ควบคุมสมดุลน้ำและเกลือแร่ภายในร่างกาย การมีโซเดียมคลั่งในร่างกายจะมีผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ดังนั้นการใช้สายสวนเข้าไปจี้ตัดเส้นประสามอัตโนมัติดังกล่าวจะมีผลลดความดันโลหิตได้
มีการศึกษา( Simplicity HTN-1, Simplicity HTN-2) ผู้เข้าร่วมการศึกษา 153 คน และ 106 คนตามลำดับ โดยทำการศึกษาผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ดื้อต่อการรักษา รักษาด้วยการจี้เส้นประสาทอัติโนมัติที่บริเวรหลอดเลือดไปเลี้ยงไตด้วยคลื่นวิทยุติดตามหลังการรักษา ไปเป็นเวลา 2 ปี พบว่าสามารถลดความดันได้ 25/11 มม.ปรอทที่ 6 เดือน และ32/14 มม.ปรอทที่ 2 ปี โดยพบว่า 92% ของผู้ป่วยมีความดันโลหิตลดลง >10 มม.ปรอทจาก Simplicity HTN-1 และ 84% ของผู้ป่วยลดความดันโลหิต > 10 มม.ปรอท จาก Simplicity HTN-2 และไม่พบว่ามีผลต่อการทำงานของไตอย่างไรก็ตามผู้ป่วยยังคงต้องใช้ยาลดความดันโลหิตจำนวนเท่าเดิม โดยมีผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษา 10-15%
ดังนั้นผู้ที่สามารถรักษาด้วยวิธีนี้คือ ผู้ป่วยที่ความดันโลหิตสูงที่ดื้อต่อการรักษาโดยผู้ป่วยที่มีความดันสูงกว่า 160 มม.ปรอท โดยใช้ยาลดความดันอย่างน้อยสามชนิดขึ้นไปโดยหนึ่งในนั้นเป็นยาขับปัสสาวะ
โดย : นพ. สราวุธ ลิ้มตั้งตุระกูล
ขอบคุณบทความจาก : https://www.samitivejhospitals.com/th/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%97/