จากที่กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาเปิดเผยจำนวนผู้สูงอายุชาวไทย ที่เพิ่มขึ้นปีละ 5 แสนคน คาดปี 2568 ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่การเป็น “สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์” จากสภาพร่างกายที่เสื่อมถอยไปตามกาลเวลาของมนุษย์ หนึ่งในนั้นก็คือ โรคเข่าเสื่อม ที่สร้างความทุกข์ทรมานให้กับผู้สูงอายุเป็นจำนวนมากในปัจจุบัน
นพ. ธนันท์ สมิทธารักษ์ ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ สถาบันกระดูกและข้อ โรงพยาบาลปิยะเวท กล่าวว่า โรคข้อเข่าเสื่อม เกิดจากการสึกกร่อนของกระดูกอ่อนผิวข้อ ซึ่งเป็นผลมาจากอายุที่เพิ่มขึ้นและการใช้งานมาก เมื่อมีการใช้งานผิวข้อที่สึกจะมีการขัดสีกัน ทำให้เกิดอาการปวดข้อเข่าตามมาพบได้บ่อยมากในผู้สูงอายุจะมีอาการปวด เข่าบวมแดง เข่าฝืด ยึด มีเสียงดังในเข่า ไม่สามารถประกอบกิจวัตรประจำวันได้อย่างปกติ ผู้ป่วยที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมจะมีอาการแรกเริ่ม ปวดเป็น ๆ หาย ๆ เมื่อพักการใช้เข่า อาการปวดจะทุเลา และปวดมากขึ้นเมื่อมีการใช้งานข้อมากขึ้น ในรายที่เป็นมากจะปวดตลอดเวลา ข้อฝืด ใช้งานไม่ถนัด ข้อผิดรูป ข้อเข่าจะเปลี่ยนรูปร่างไปจากเดิม เข่าบวมโต หรือบางรายมีขาโก่งออก แทนที่ผิวข้อเข่าเดิมที่เสื่อมชำรุดไป สำหรับแนวทางการรักษานั้นมีหลายวิธีด้วยกันขึ้นอยู่กับอาการของคนไข้เป็นหลัก เช่น การทำกายภาพบำบัด การบริหารกล้ามเนื้อ หรือการให้ยาบรรเทาอาการสำหรับผู้ที่มีอาการไม่มาก แต่สำหรับผู้ที่มาด้วยอาการของโรคข้อเข่าเสื่อมอย่างชัดเจนนั้น แพทย์อาจแนะนำให้ใช้วิธีฉีดน้ำไขข้อเทียมเพื่อลดอาการปวด หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ทำการรักษาจะทำให้มีอาการรุนแรงจนถึงขั้นต้องเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียม
การฉีดน้ำไขข้อเทียม น้ำไขข้อเป็นสาร สาร Hyaluronic Acid (HA) เป็นสารที่มีอยู่ในข้อของมนุษย์ มีลักษณะที่เหนียว และยืดหยุ่นสูงทำให้ข้อต่างๆ โดยเฉพาะผิวกระดูกข้อเข่าไม่ได้รับแรงกด หรือกระแทกมาก เวลาคนเราเดิน หรือวิ่ง นอกจากนั้น สารนี้ยังช่วยให้เกิดความลื่นที่ผิวกระดูกอ่อนเวลางอหรือเหยียดหัวเข่า การเสียดสีที่ผิวกระดูกจะน้อยลง ทำให้กระดูกอ่อนผุกร่อนลดน้อยลงตามไปด้วย ส่งผลให้ข้อเข่าอักเสบ ปวด บวม แดง ร้อนน้อยลงเช่นกัน โดยปกติคนเราจะมีน้ำในข้อเข่าอยู่ประมาณ 1-2 ซีซี เท่านั้น เมื่ออายุมากขึ้นน้ำในข้อเข่าก็จะมีปริมาณลดลงโดยเฉพาะคนที่เป็นข้อเข่าเสื่อม มักพบว่าน้ำในข้อเข่ามีปริมาณที่น้อยมาก คนที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมขั้นรุนแรงน้ำในเข่าแทบจะแห้งผากจนไม่มีเหลือเลย สิ่งที่เกิดขึ้น ก็คืออาการของข้อเข่าเสื่อมจะลุกลามเร็วมากขึ้นไปอีก บางคนเข่าโก่งขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัดภายใน 1 ปี และสำหรับผู้ที่มีอาการมาก ๆ หรือได้รับการรักษาด้วยวิธีข้างต้นแล้วไม่ได้ผลแพทย์อาจแนะนำให้ทำการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม
สำหรับการผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียม ซึ่งในปัจจุบันสามารถใช้งานได้ใกล้เคียงธรรมชาติ และเป็นวิธีการรักษาที่ลดอาการปวดได้ดี มีอายุการใช้งานประมาณ 10 – 15 ปี โดยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่พัฒนาขึ้น โรงพยาบาลปิยะเวทได้นำคอมพิวเตอร์นำวิถีเข้ามาช่วยในการผ่าตัด ร่วมกับเทคนิคการรักษาแบบไม่ต้องปักหมุด เปรียบเสมือนการสร้างภาพจำลองในระบบคอมพิวเตอร์ หรือ Image guided surgery by Navigation system นวัตกรรมดังกล่าวนี้จะช่วยให้สามารถควบคุมปรับตำแหน่ง ตรวจสอบทิศทางและตำแหน่งของการวางข้อเทียมในร่างกายรวมถึงบอกขั้นตอนการผ่าตัด โดยสามารถบอกตำแหน่งการวางข้อเทียมได้ละเอียด ขนาดเป็นหลักเศษส่วนของมิลลิเมตร หรือ เศษส่วนขององศา มุม ประโยชน์ต่อศัลยแพทย์ ก็คือ สามารถช่วยศัลยแพทย์ให้ทำการตัดสินใจโดยทราบข้อมูลล่วงหน้าได้ในเวลาที่เหมาะสม เป็นการช่วยลดโอกาสเกิดปัญหาของการวางข้อเข่าเทียมในร่างกายคลาดเคลื่อนจากตำแหน่งที่ควร ยิ่งร่วมกับการผ่าตัดด้วยเทคนิคเฉพาะแบบไม่ต้องปักหมุดเพิ่มที่กระดูกต้นขาและหน้าแข้ง (Pinless Computer Assisted Navigation TKA) ผู้ป่วยจะไม่เสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหัก หรือแตกจากการปักหมุดในวิธีการรักษาแบบเดิม ๆ ที่ต้องทำการปักหมุดถึง 4 จุด ทำให้ไม่มีแผลเพิ่มจากการปักหมุด ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวหลังการผ่าตัดได้อย่างรวดเร็ว เพราะเกิดการบอบช้ำจากการผ่าตัดน้อย แต่ถึงอย่างไรก็ตามการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมให้หายขาดได้ ทุกวิธีการรักษาจึงมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดอาการปวด ทำให้การเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันดีขึ้น คนไข้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม นั่นก็หมายถึงการรักษาที่ปลายเหตุ การดูแลและป้องกันตนเองให้ห่างจากโรคข้อเข่าเสื่อมจึงเป็นสิ่งที่ควรทำมากที่สุดครับ
สำหรับการดูแลรักษา สำหรับโรคข้อเข่าเสื่อมจะต้องบริหารกล้ามเนื้อรอบเข่าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยลดแรงกระทำต่อข้อเข่า ใช้สนับเข่าในรายที่เข่าเสียความมั่นคง เพราะสนับเข่าจะช่วยให้ข้อเข่ากระชับ ควรหลีกเลี่ยงการนั่งพับเพียบ คุกเข่า ขัดสมาธิ นั่งยอง ๆ ซี่งจะทำให้เกิดความเสื่อมในข้อเข่าเร็วขึ้น เลี่ยงการขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ โดยไม่จำเป็น เพราะเข่าจะต้องรับน้ำหนัก ประมาณ 3-4 เท่าของน้ำหนักตัว และถ้ามีอาการปวดข้อหรืออาการกล้ามเนื้อเกร็ง ให้ใช้กระเป๋าน้ำร้อนประคบ การดูแลข้อเข่าอย่างถูกต้องและเหมาะสม จะช่วยชะลอความเสื่อม และยืดอายุการใช้งานของข้อเข่า ซึ่งจะเป็นการช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตในการใช้ข้อเข่าได้ นพ. ธนันท์ สมิทธารักษ์ สถาบันกระดูกและข้อ รพ.ปิยะเวท กล่าวทิ้งท้าย
* ขอบคุณข้อมูลจาก : http://health.mthai.com/howto/11724.html