นัดพบแพทย์

หยุด! คาวาซากิ

22 Sep 2016 เปิดอ่าน 2294

โรคคาวาซากิ พบได้ทั้งเพศชายและเพศหญิง แต่ส่วนใหญ่จะพบในเพศชายมากกว่า และพบบ่อยในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ขวบโดยเฉพาะในช่วงอายุ 1-2 ขวบ โรคนี้ตั้งชื่อตามนายแพทย์คาวาซากิ ซึ่งเป็นแพทย์ชาวญี่ปุ่นที่ได้รวบรวมรายงานผู้ป่วยเป็นคนแรกของโลก

สาเหตุ ยังไม่ทราบแน่ชัด เคยมีรายงานว่า เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อบางชนิดทั้งแบคทีเรียและไวรัส การใช้แชมพูซักพรม หรือการอยู่ใกล้แหล่งน้ำ แต่ไม่สามารถสรุปสาเหตุที่แท้จริง พบว่า มีการอักเสบเกิดขึ้นหลายแห่งในร่างกาย ทำให้เกิดอาการแสดงต่างๆ ประมาณร้อยละ 25 ของผู้ป่วย เกิดการอักเสบของหลอดเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจร่วมด้วย หากให้การวินิจฉัยและรักษาได้ภายใน 10 วัน นับจากมีไข้ จะช่วยให้การอักเสบของหลอดเลือดลดลงประมาณร้อยละ 5
       
       ลักษณะเด่นของโรคคาวาซากิ
       
       1.เด็กจะมีไข้สูงทุกคน โดยมากมักเป็นนานเกิน 5 วัน บางรายอาจนาน 3-4 สัปดาห์ อาจมีผื่นขึ้นตามตัวและแขนขา 2.ตาขาวจะแดง 2 ข้าง แต่ไม่มีขี้ตา
       3.ริมฝีปากแห้งแดง อาจแตกมีเลือดออก ลิ้นแดงเป็นตุ่มๆ คล้ายผิวสตรอเบอร์รี
       4.ฝ่ามือและฝ่าเท้าบวมแดง ต่อมน้ำเหลืองที่ลำคอโต

อาการทั้งหมดนี้จะเกิดภายในสัปดาห์แรก ในสัปดาห์ที่ 2 จะมีการลอกของผิวหนัง โดยเริ่มจากบริเวณปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า และอาจลามไปที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า
       
       อาการแสดงอื่นๆ ที่อาจเกิดร่วม ได้แก่ ข้ออักเสบโดยเฉพาะบริเวณนิ้วมือ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ท้องเสีย ซึ่งอาการดังกล่าวอาจหายได้เองแม้ไม่ได้รับการรักษา แต่ที่สำคัญคือ โรคนี้อาจทำให้เกิดการอักเสบของหัวใจและหลอดเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ ซึ่งอาจทำให้หลอดเลือดหัวใจมีลักษณะโป่งพอง ตีบ หรือแคบ ได้ ในรายที่หลอดเลือดตีบแคบมาก อาจเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเลี้ยงเหมือนที่พบในผู้ใหญ่ที่มีหลอดเลือดหัวใจตีบ ทำให้เสียชีวิตเฉียบพลันได้
       
       เนื่องจากการวินิจฉัย ต้องอาศัยอาการเป็นหลักร่วมกับการตรวจเลือด ซึ่งอาการแสดงมักเกิดไม่พร้อมกัน จึงทำให้เกิดความยากในการวินิจฉัยหากไม่ได้นึกถึงโรคนี้
       
       การรักษา ในช่วงที่มีไข้ใน 10 วันแรก จะต้องตรวจหัวใจด้วยเครื่องอัลตราซาวนด์ เพื่อดูลักษณะหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ และให้ยาลดการอักเสบคือ ยาแอสไพรินขนาดสูงให้รับประทานอย่างต่อเนื่องประมาณ 1-2 สัปดาห์ และให้โปรตีนชนิดหนึ่งเข้าหลอดเลือดดำ พบว่าหลังให้ยาดังกล่าว ไข้มักจะลดลงภายใน 24-48 ชั่วโมง หลังจากไข้ลดจะต้องให้ยาแอสไพรินขนาดต่ำวันละ 1 ครั้ง รับประทานต่อเนื่อง 6-8 สัปดาห์ เพื่อป้องกันเกล็ดเลือดรวมกันเป็นก้อน ซึ่งอาจไปเพิ่มการอุดตันในหลอดเลือดที่ผิดปกติได้

หลังจากนั้น ถ้าตรวจอัลตราซาวนด์หัวใจซ้ำพบว่า หลอดเลือดหัวใจปกติก็สามารถหยุดยาได้ และจากการติดตามผู้ป่วยที่มีหลอดเลือดผิดปกติหลัง 8 สัปดาห์นับตั้งแต่มีไข้ไปจนถึงเวลา 1 ปีหลังจากนั้น พบว่า 2 ใน 3 ของผู้ป่วยจะหายเป็นปกติ ที่เหลือ 1 ใน 3 ยังมีความผิดปกติอยู่ ต้องติดตามเป็นระยะ และรับประทานยาแอสไพรินเป็นประจำไปตลอด
       
       ลูกคือสายใยแห่งความรักความผูกพัน ดั่งต้นไม้ที่ต้องใส่ใจดูแลเสมอ หากพบลูกหลานมีอาการดังกล่าว อย่านิ่งนอนใจ ต้องนำมาพบแพทย์โดยด่วน

ศ.พญ.ดวงมณี เลาหประสิทธิพร

* ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9510000030487