นัดพบแพทย์

อาการข้อเข่าเสื่อม ระยะต่าง ๆ สังเกตได้เองอย่างไร? 

03 Oct 2025 เปิดอ่าน 52

ทำไมข้อเข่าเสื่อมถึงเป็นปัญหาสำคัญ 

 

ข้อเข่าเสื่อม (Knee Osteoarthritis) เป็นโรคที่พบได้บ่อยในคนไทย โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี แต่จริง ๆ แล้วสามารถเกิดได้ทุกวัย หากมีการใช้งานข้อเข่าหนักเกินไปหรือมีอุบัติเหตุในอดีต หลายคนเข้าใจผิดว่า “ปวดเข่า” คือเรื่องธรรมชาติของการแก่ แต่แท้จริงแล้วอาการนี้สามารถรักษาได้ และหากตรวจพบเร็วก็มีโอกาสชะลอหรือรักษาให้อาการดีขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด 

 

ในบทความนี้ เราจะพามา “ถอดรหัส” อาการข้อเข่าเสื่อมในแต่ละระยะ เพื่อให้คุณสามารถสังเกตตัวเองหรือคนที่คุณรักได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ 

 

✅ อาการข้อเข่าเสื่อมแบ่งเป็นกี่ระยะ?

 

แพทย์มักแบ่งระดับของข้อเข่าเสื่อมออกเป็น 4 ระยะ (บางงานวิจัยใช้ 5 ระยะ แต่ในทางปฏิบัติ 4 ระยะเป็นที่เข้าใจง่ายกว่า) โดยแต่ละระยะมีลักษณะและอาการที่แตกต่างกัน ดังนี้: 

 

ระยะที่ 1: เริ่มต้น (Early stage) 

 • อาจยังไม่ค่อยมีอาการชัดเจน 

 • มีเสียง “กร๊อบแกร๊บ” หรือ “ลั่นเข่า” เวลาเดินหรือลุกนั่ง 

 • อาจปวดเล็กน้อยหลังใช้งาน เช่น เดินขึ้นบันไดหรือนั่งยอง ๆ 

 • ภาพเอกซเรย์อาจยังไม่เห็นความผิดปกติชัด แต่ผิวกระดูกอ่อนเริ่มบางลง 

 

สิ่งที่ควรทำ: 

 • ปรับพฤติกรรม: ลดการนั่งยอง ๆ นั่งพับเพียบ 

 • เริ่มออกกำลังกายเสริมกล้ามเนื้อรอบเข่า เช่น leg raise, ปั่นจักรยานเบา ๆ 

 • ลดน้ำหนักถ้าเกินเกณฑ์ 

 

ระยะที่ 2: ปานกลาง (Mild to Moderate stage) 

 • ปวดเข่าชัดขึ้น โดยเฉพาะเวลาเดินนาน ๆ 

 • เริ่มมีอาการ “ข้อเข่าฝืด” ตอนเช้า หรือเวลานั่งนานแล้วลุกขึ้น 

 • อาจบวมเป็น ๆ หาย ๆ โดยเฉพาะหลังใช้งานหนัก 

 • ภาพเอกซเรย์เริ่มเห็นช่องข้อแคบลงเล็กน้อย 

 

สิ่งที่ควรทำ: 

 • ทำกายภาพบำบัด เช่น ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ, ฝึกเดินที่ถูกวิธี 

 • อาจใช้ยาลดอาการอักเสบตามคำแนะนำแพทย์ 

 • พิจารณาการฉีดยาหล่อเลี้ยงข้อเข่า (Hyaluronic acid) เพื่อช่วยให้เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น 

 

ระยะที่ 3: รุนแรง (Severe stage) 

 • ปวดแทบทุกวัน ปวดแม้ขณะพัก 

 • เดินได้ไม่กี่ร้อยเมตรต้องหยุดเพราะปวด 

 • ข้อเข่าโก่งผิดรูป เริ่มเห็นชัด 

 • ข้อเข่าฝืด งอเหยียดลำบาก 

 • ภาพเอกซเรย์เห็นกระดูกแทบจะชนกัน 

 

สิ่งที่ควรทำ: 

 • รักษาแบบไม่ผ่าตัดอาจได้ผลน้อยลง 

 • อาจต้องพิจารณาการฉีดยา, การส่องกล้อง หรือการผ่าตัดบางรูปแบบ 

 • เริ่มปรึกษาศัลยแพทย์กระดูกและข้อเพื่อวางแผนรักษาที่เหมาะสม 

 

ระยะที่ 4: รุนแรงมาก (End stage) 

 • ปวดมากแม้ขณะนั่งหรือนอน 

 • เดินลำบาก ต้องใช้ไม้เท้าหรือรถเข็น 

 • ข้อเข่าโก่งหรือบิดเบี้ยวชัดเจน 

 • ภาพเอกซเรย์เห็นกระดูกเสียดสีกันโดยตรง 

 

สิ่งที่ควรทำ: 

 • การรักษาแบบไม่ผ่าตัดมักไม่ได้ผลแล้ว 

 • การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม (Total Knee Replacement) เป็นทางเลือกหลัก 

 • ปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ เช่น “หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด” ทำให้แม่นยำและฟื้นตัวไวขึ้น 

 

✅ ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ข้อเข่าเสื่อมเร็วขึ้น 

 • อายุ: ยิ่งมาก โอกาสเสื่อมยิ่งสูง 

 • น้ำหนักเกิน: น้ำหนักทุก 1 กก. กดลงเข่า ~3–4 กก. 

 • อุบัติเหตุ: กระดูกหักรอบเข่า หรือเอ็นฉีก 

 • กรรมพันธุ์: ครอบครัวมีประวัติข้อเข่าเสื่อม 

 • ใช้งานหนัก: อาชีพที่ต้องนั่งยอง ๆ นาน ๆ เช่น เกษตรกร, พนักงานโรงงาน 

 

✅ วิธีสังเกตตัวเองเบื้องต้น 

 • ปวดเข่าเวลาเดินขึ้นลงบันได? 

 • มีเสียงดังในเข่า? 

 • นั่งกับพื้นลุกลำบาก? 

 • เข่าบวมบ่อย ๆ? 

 

ถ้ามีอาการเหล่านี้เกิน 2–3 ข้อ แนะนำเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม 

 

✅ แนวทางการรักษาข้อเข่าเสื่อมในแต่ละระยะ 

 

การรักษาแบบไม่ผ่าตัด 

 • กายภาพบำบัด 

 • ควบคุมน้ำหนัก 

 • รับประทานยาลดอักเสบ 

 • ฉีดยาหล่อเลี้ยงข้อเข่า (Hyaluronic / PRP) 

 

การรักษาแบบผ่าตัด 

 • ส่องกล้องล้างข้อ (ในบางราย) 

 • ผ่าตัดเปลี่ยนแนวกระดูก (Osteotomy) 

 • ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม (TKA) 

 • ปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด → ฟื้นตัวไว เจ็บน้อย 

  

✅คำถามที่พบบ่อย 

 

Q: ปวดเข่า = ข้อเข่าเสื่อมเสมอไปไหม? 

A: ไม่เสมอไป ต้องตรวจแยกโรค เช่น เอ็นอักเสบ, หมอนรองกระดูกเข่าฉีก 

 

Q: ข้อเข่าเสื่อมหายขาดได้ไหม? 

A: ไม่หายขาด แต่รักษาได้หลายวิธีเพื่อให้ใช้งานได้ใกล้เคียงปกติที่สุด 

 

Q: ต้องผ่าตัดทุกคนหรือไม่? 

A: ไม่จำเป็น การผ่าตัดเป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับผู้ที่รักษาแบบอื่นแล้วไม่ได้ผล 

 

สรุป 

 

ข้อเข่าเสื่อมเป็นโรคที่พบได้บ่อย แต่หากสังเกตอาการและเข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยชะลอการเสื่อมและลดความทุกข์ทรมานได้มาก การรู้จัก “อาการในแต่ละระยะ” จึงเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้คุณดูแลสุขภาพเข่าได้อย่างถูกต้อง 

 

หากคุณกำลังมีอาการปวดเข่า เดินไม่สะดวก หรือสงสัยว่าตัวเองอาจเป็นข้อเข่าเสื่อม การเข้าพบ ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ เพื่อรับคำปรึกษา จะช่วยให้คุณวางแผนการรักษาได้ตรงจุด และกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ