นัดพบแพทย์

เรื่องลับของชาย ที่ไม่อยากให้หญิงรู้

26 Aug 2016 เปิดอ่าน 2429

ความสุขทางเพศ หรือสุขภาพทางเพศ เป็นสิ่งที่มนุษย์ปุถุชนส่วนใหญ่ปรารถนา แต่คุณทราบหรือไม่ครับว่า ปัจจัยที่ทำให้เกิดความสุขทางเพศนั้นมีองค์ประกอบหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่

วิธีแก้ปัญหา

- ปัจจัยทางกายภาพ การแข็งตัวของอวัยวะเพศในผู้ชาย
- ปัจจัยทางด้านจิตใจ ความวิตกกังวล ความตื่นเต้น หรือความเจ็บปวดขณะร่วมเพศ
- ปัจจัยทางสังคม ได้แก่ ปฏิสัมพันธ์ของทั้งคู่ ความเข้าใจกัน ความต้องการที่สอดคล้องกัน การปรับตัวเข้าหากัน
- ปัจจัยด้านจิตวิญญาณ อาจหมายถึง ความเชื่อ ความรู้ เจตคติเกี่ยวกับเพศ รวมทั้งความเชื่อมั่นในการมีเพศสัมพันธ์

ในขณะเดียวกันยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ประสบกับปัญหาทางเพศ จากการสำรวจที่เรียกว่า Global Better Sex Survey ในประชากรมากกว่า 1,500 คน ใน 5 ประเทศ พบว่ามากกว่า 50% ของคู่แต่งงาน ไม่มีความพอใจอย่างเต็มที่ในการมีเพศสัมพันธ์รวมถึงปัญหาอวัยวะเพศไม่ เเข็งตัวหรือหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรือที่นิยมเรียกติดปากว่า โรคอีดี (Erectile Dysfunction) ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของเพศชายที่มีมากกว่า 150 ล้านคนทั่วโลก และจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ในเวลาเพียง 30 ปี

ปัจจัยเสี่ยงของการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
- อายุที่มากขึ้นเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ แต่หลีกเลี่ยงไม่ได้
- ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงได้แต่กลับเป็นสาเหตุที่พบบ่อยกว่าคือ โรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด ได้แก่ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคอ้วน
- พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อสุขภาพอื่นๆ เช่น สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ไม่ชอบออกกำลังกาย และอารมณ์หงุดหงิด เครียด วิตกกังวล ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญมากเช่นกัน

มารู้จักอีดี
ปัญหาอีดี ดูเหมือนจะเป็นความลับของผู้ชาย เนื่องจาก ผู้ชายที่มีปัญหาเหล่านี้มีไม่ถึง 1 ใน 3 ที่จะยอมไปปรึกษาแพทย์ แต่ฝ่ายหญิงที่นอนร่วมกันมักจะรู้เสมอว่าเกิดปัญหาขึ้นแล้ว ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการวินิจฉัยโรคอีดีไม่ใช่เรื่องยาก เมื่อใดที่อวัยวะเพศแข็งตัวได้ไม่เพียงพอจะสอดใส่ในช่องคลอด หรือคงอยู่ในช่องคลอดได้ไม่นานพอก็อ่อนตัวโดยไม่มีการหลั่ง ก็เข้าข่ายอีดีทั้งนั้น แต่มีข้อแม้อยู่ว่า อาการดังกล่าวควรเป็นต่อเนื่องมานานกว่า 6 เดือน ทั้งนี้เนื่องจากในคนปกติทุกคนก็สามารถเกิดอาการเช่นนี้ได้เป็นครั้งคราว เมื่อภาวะร่างกายหรือจิตใจไม่พร้อม เช่น พักผ่อนไม่พอ ไม่ค่อยสบาย หรือมีเรื่องวิตกกังวล ก็อย่าเพิ่งตกใจหรือกังวลใจจนเกินไป เพราะยิ่งจะทำให้มีอาการมากขึ้น ควรทำตัวทำใจให้สบาย ปล่อยไปตามธรรมชาติ ถ้ามีอาการต่อเนื่องกันเป็นเดือน จึงควรมาปรึกษาแพทย์

เนื่องจากในปัจจุบันโรคอีดี สามารถรักษาได้ผลดี จึงเริ่มมีผู้ป่วยมาพบแพทย์มากขึ้น ทั้งที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญไม่มากนัก เมื่อผู้ป่วยเล่าปัญหาให้แพทย์ฟัง แพทย์มักแยกสาเหตุใหญ่ ๆ ออกจากกัน คือ สาเหตุด้านร่างกายและจิตใจ

- สาเหตุทางร่างกาย พบได้มากกว่า มักพบในคนอายุมาก และมีปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่กล่าวแล้วร่วมด้วย
- ส่วนสาเหตุทางจิตใจ มักพบในคนอายุน้อย อาการเกิดขึ้นรวดเร็ว และมักจะยังคงมีการแข็งตัวเป็นปกติในตอนตื่นนอนเช้า หรือเมื่อช่วยตัวเองหรือไปเที่ยวผู้หญิง คนที่มีสาเหตุทางจิตใจมีโอกาสรักษาหายได้ถ้าต้นเหตุหายไป

ตัวที่ช่วยลดปัญหาอีดีให้น้อยลงหรืออาจป้องกันอีดีได้ มีอยู่ 2 ด้าน คือ

- ทางด้านร่างกาย คือ การสร้างเสริมสมรรถภาพทางกาย ด้วยการออกกำลังตามความเหมาะสมกับอายุอย่างสม่ำเสมอ การควบคุมน้ำหนักให้คงที่ พฤติกรรมเหล่านี้ยังช่วยให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้นด้วย

- ส่วนตัวช่วยทางด้านจิตใจ คือ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ของตน สร้างความรัก ความเข้าใจ ความเอื้ออาทร และความสุขทางเพศร่วมกัน

“การสร้างความสุขทางเพศ ไม่ได้เกิดจากการร่วมเพศเท่านั้น เพราะชายหรือหญิงที่อยู่คนเดียวก็สามารถมีความสุขทางเพศได้จากการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง คนที่เป็นคู่รักกันหรือคู่แต่งงานที่สูงอายุ หรือเจ็บป่วย ก็มีความสุขร่วมกันจากการประเล้าประโลมทางเพศ (foreplay หรือ loveplay) เช่น การสัมผัสกอดจูบลูบเลีย หรือพูดคุยด้วยความรักใคร่เสน่หา การกระทำเหล่านี้ถ้ามีความเข้าใจกัน ช่วยกันทำ เรียนรู้กันไป จะสร้างความสุขทางเพศได้เป็นอย่างดี”

ส่วนการแก้ไขเรื่องการแข็งตัวของอวัยวะเพศ ในปัจจุบันใช้การกินยาเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม การใช้ยาควรปรึกษาแพทย์ เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายหรือผลแทรกซ้อนขึ้น การกินยาถ้าไม่รู้เทคนิคก็ได้ผลไม่เต็มที่ เช่น ยาบางตัวไม่ควรกินพร้อมอาหารหนัก หรือเหล้า ควรให้เวลายาออกฤทธิ์สักครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง และต้องมีการกระตุ้นทางเพศตามธรรมชาตินำมาก่อน ยาจึงจะไปช่วยเสริมการแข็งตัวได้ ในผู้สูงอายุ การกระตุ้นด้วยการสัมผัสโดยตรง บริเวณอวัยวะเพศมีความสำคัญมากจะช่วยให้เกิดการตื่นตัวของอวัยวะเพศมากกว่าการกระตุ้นโดยผ่านทางอื่นๆ

“แม้อีดี จะเป็นเรื่องของชายที่ไม่อยากให้หญิงรู้ แต่ก็ไม่ควรปิดบังกัน ควรพูดคุยกันด้วยความเห็นอกเห็นใจและช่วยเหลือกันแก้ไขปัญหา การเป็นอีดีไม่ใช่โชคร้าย มองในมุมกลับ อาจเป็นโชคดี เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณเตือนภัยถึงโรคร้ายที่ซ่อนเร้นอยู่ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และเป็นโอกาสทองให้คนสองคนที่เคยรักกันหันมาพูดคุยกัน เอาใจใส่กัน และรื้อฟื้นความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง”

 

* ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9500000093037