นัดพบแพทย์

โรคหลอดเลือดสมองภัยร้ายใกล้ตัว

24 Aug 2016 เปิดอ่าน 1402

" โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) หรือที่คนทั่วไปอาจใช้คำว่า อัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่สำคัญของประชากรไทย ก่อให้เกิดความพิการ และส่งผลกระทบต่อสังคมและประเทศ

โรคหลอดเลือดสมองสามารถแบ่งงออกเป็น 2 ชนิด คือ

 - หลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน(  lschemic Stroke) พบได้ประมาณ 80% ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง สาเหตุเกิดได้จากลิ่มเลือดที่เกิดขึ้นในบริเวณอื่น ( ลิ่มเลือดจากหัวใจหรือ จากหลอดเลือดใหม่) ไปอุดตันที่หลอดเลือดสมอง หรืออาจเกิดจากมีลิ่มเลือดก่อตัวในหลอดเลือดสมองเองก็ได้

- หลอดเลือดสมองแตก ( Hemorhogic Stroke) พบได้ประมาณ 20% ของโรคหลอดเลือดสมอง

ปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง

- อายุ เมื่ออายุมากขึ้น หลอดเลือดก็จะเสื่อมตามไปด้วย โดยผิวชั้นในของหลอดเลือดจะหนา

   และแข็งขึ้นจากการที่มีไขมันและหินปูนมาเกาะ ( lMT: lntima- media thickness)

- เพศ พบว่าเพศชายมีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองสูงกว่าเพศหญิง

-  ความดันโลหิตสูง ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงจึงมีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดสมองได้มากกว่าคนปกติ

-  เบาหวาน เป็นสาเหตุที่ทำให้หลอดเลือดแข็งทั่วร่างกาย

- ไขมันในเลือดสูง เป็นความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองเช่นเดียวกับโรคหลอดเลือดหัวใจ

-  โรคหัวใจ เช่น โรคลิ้นหัวใจผิดปกติ หัวใจเต้นผิดจังหวะ

-  การสูบบุหรี่

-  การใช้สารเสพติดบางชนิด เช่น โคเคน เฮโรอิน และ ยาม้า

-  โรคซิฟิลิส เป็นสาเหตุของหลอดเลือดอักเสบ และหลอดเลือดแข็ง

-  การขาดการออกกำลังกาย และโรคอ้วน

ลักษณะอาการและอาการเตือนของโรคหลอดเลือดสมอง

- อาการอ่อนแรง หรือ ชาครึ่งซีก

- ตามองไม่เห็นภาพซีกใดซีกหนึ่ง หรือทั้งหมด มองเห็นภาพซ้อน

- มีความผิดปกติของการใช้ภาษา เช่น พูดไม่คล่อง ใช้ภาษาผิดหรือ ไม่เข้าใจภาษา

- เวียนศีรษะ บ้านหมุน เดินเซ ปวดศีรษะรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

- พูดไม่ชัด ปากเบี้ยว กลืนลำบาก

- ความจำเสื่อม หรือ หลงลืมอย่างทันที่ทันใด ซึม หมดสติ

การตรวจวินิจฉัย

แพทย์จะซักประวัติและตรวจร่างกายทางระบบประสาท และระบบที่เกี่ยวข้อง อย่างละเอียดร่วมกับส่งตรวจเพิ่มเติมทางห้องปฏิบัติการ และตรวจภาพรังสีวินิจฉัย ในปัจจุบันมีวิธีการตรวจวินิจฉัยที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว สามารถบ่งชี้ถึงตำแหน่งของสมอง และหลอดเลือดที่ผิดปกติอีกทั้งภาวะและสาเหตุของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้ เช่น

- การตรวจสมองด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan )หรือ เอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ( MR/MRA) เพื่อดูว่าสมองมีภาวะขาดเลือด หรือ ภาวะเลือดออกในสมองหรือไม่

- การตรวจอัลตราซาวด์หลอดเลือดบริเวณคอ ( Carolid Duplex Ultrasound) เพื่อดูหลอดเลือดคอ และการไหลเวียนของเลือดบริเวณคอที่ไปเลี้ยงสมองด้วยคลื่นเสี่ยงความถี่สูง

- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ( Eletrocardiogram)

- การตรวจเลือดเพื่อดูความเข้มข้น และ ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ระดับน้ำตาล ไขมันในเลือด การทำงานของไตและตับ

- การตรวจระดับเกลือแร่ในเลือด ( Electrolyle) ช่วยแยกสภาวะเกลือแร่ในเลือดผิดปกติ เช่น เกลือแร่ต่ำ อาจทำให้มีอาการคล้ายโรคหลอดเลือดสมอง

การรักษา

การรักษาขึ้นกับสาเหตุของหลอดเลือดสมองว่าเป็นหลอดเลือดตีบหรือหลอดเลือดแตก

โดยจะมีแนวทางการรักษาที่แตกต่างกัน

- หลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตันเฉียบพลัน ในปัจจุบันมีการให้ยาละลายลิ่มเลือด ( rtPA : recombinanttissue plasminogen activalor)  ในผู้ป่วยที่มีอาการ และอาการแสดงของโรคหลอดเลือดสมองตีบเฉียบพลันที่มีข้อบ่งชี้ และไม่มีข้อห้ามต่อการให้ยา และมีอาการในระยะเวลาไม่เกิน 4.5 ชั่วโมง เมื่อติดตามผู้ป่วยที่ได้รับยาเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับยา พบว่าผู้ป่วยที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือดมีผลลัพธ์ที่ดีกว่า ดังนั้นผู้ป่วยที่มีอาการผิดปกติสงสัยว่ามีภาวะหลอดเลือดสมอง ควรรีบมาโรงพยาบาลเร็วที่สุดเพื่อให้ได้การวินิจฉัยและการรักษาอย่างทันท่วงที

- หลอดเลือดสมองแตก เป้าหมายของการรักษาคือ การควบคุมปริมาณเลือดที่ออกด้วยการรักษาระดับความดันโลหิต ในบางกรณีที่เลือดออกมาก อยู่ในดุลยพินิจของศัลยแพทย์ระบบประสาทว่าจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดร่วมด้วยหรือไม่ "

โดยพญ.จิราพร สุจจานันท์

* ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.gotoknow.org/posts/558809