นัดพบแพทย์

มือชา ปัญหาที่พบได้ในคนทำงานออฟฟิศ

01 Sep 2016 เปิดอ่าน 1683

มือชาเท้าชา เป็นปัญหาสุขภาพอย่างหนึ่งที่มักเกิดกับคนในวัยทำงาน หรือผู้ที่ต้องนั่งทำงานประจำออฟฟิศทำงานนั่งโต๊ะใช้คอมพิวเตอร์นาน ๆ นพ.กวี ภัทราดูลย์ ศัลยแพทย์ทางมือและจุลศัลยกรรม โรงพยาบาลเวชธานี ให้ข้อมูลว่า "คนที่ต้องนั่งทำงานอยู่ท่าเดิมนาน ๆ ก็อาจมีโอกาสเกิดอาการมือเท้าชาได้มากกว่าปกติบ้างจากการที่เส้นประสาทโดนกดทับที่พบบ่อย คือ บริเวณข้อมือจากการที่ข้อมืออยู่ในท่าแอ่นหรืองอนาน ๆ เช่น การใช้เมาส์หรือพิมพ์งาน เป็นต้น"

อาการมือเท้าชาในคนทำงานเกิดจากการที่เส้นประสาทที่พาดผ่านบริเวณข้อมือถูกกดทับ ซึ่งเส้นประสาทนี้จะผ่านจากแขนไปยังข้อมือ เพื่อไปรับความรู้สึกที่บริเวณมือโดยทอดผ่านบริเวณข้อมือและลอดผ่านเอ็นที่ยึดบริเวณข้อมืออาจมีสาเหตุบางประการที่ทำให้เส้นประสาทนี้ถูกกดทับได้ จึงทำให้มือชาร่วมกับมีอาการปวดชา ร้าวไปยังท่อนแขนหรือต้นแขนได้และบางคนพบว่ามือข้างที่เป็นอ่อนแรงหยิบจับสิ่งของไม่ถนัดถ้าทิ้งไว้จะพบว่า กล้ามเนื้อบริเวณโคนนิ้วหัวแม่มืออาจจะแฟบลง เมื่อเทียบกับมืออีกข้างหนึ่งพบในเพศหญิงมากกว่าชาย ในช่วงระหว่างวัย 30 - 60 ปี

ปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดอาการมือเท้าชา

1.การกระแทกที่บริเวณข้อมืออยู่เป็นประจำ เช่น ใช้เครื่องตัดหญ้า เครื่องเจาะสกรู กำไม้เทนนิส ไม้กอล์ฟ

2.กระดูกข้อมือหัก หรือการหลุดเคลื่อนของข้อ

3.โรคไขข้ออักเสบ เช่น รูมาตอยด์ เก๊าต์

4.คนที่เป็นเบาหวาน กลุ่มไทรอยด์บกพร่อง

5.ภาวะบวมน้ำจากโรคไตและตับ

6.ภาวะตั้งครรภ์

7.คนที่มีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนจากการหมดประจำเดือน

วิธีการดูแลอาการมือชา

การดูแลอาการมือชาที่มาจากการกดทับเส้นประสาท มีทั้งวิธีไม่ผ่าตัดและวิธีผ่าตัด โดยวิธีเบื้องต้นโดยการไม่ผ่าตัด ลดความดันในโพรงข้อมือ ได้แก่

1.การดามข้อมือ พบว่าถ้าให้ข้อมืออยู่นิ่ง ๆ ตรง ๆ จะมีความดันในโพรงข้อมือต่ำสุดซึ่งจะทำให้เลือดไหลไปเลี้ยงเส้นประสาทดีขึ้นถ้าเป็นระยะแรก (พังผืดยังไม่หนามากนักจะได้ผลค่อนข้างดี)

2.ปรับการใช้ข้อมือในการทำงานและชีวิตประจำวันให้ถูกต้อง พบว่าการทำงานที่ต้องใช้ข้อมือกระดกขึ้น หรืองอข้อมือซ้ำ ๆ กันนาน ๆ รวมทั้งงานที่มีการสั่นกระแทกจะทำให้ความดันในโพรงข้อมือสูงขึ้นได้ การปรับอุปกรณ์การทำงานให้ถูกตามหลักอาชีวศาสตร์จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น

3.การให้ยาต้านโรครูมาตอยด์ จะช่วยลดความดันในบริเวณข้อมือได้ในรายที่เป็นโรคนี้แบบทุติยภูมิ เช่น จากภาวะรูมาตอยด์ และมีเยื่อหุ้มเอ็นหนาตัวขึ้น

4.ถ้าอาการเป็นมากขึ้น แพทย์จะแนะนำให้ฉีดยาสเตียรอยด์ เข้าไปในบริเวณที่เส้นประสาททอดผ่านซึ่งยานี้จะแพร่กระจายไปยังบริเวณเยื่อบุผิวข้อและเส้นเอ็นที่มีการอักเสบและบวมทำให้อาการบวมยุบลง การกดเส้นประสาทจะน้อยลงปริมาณของยาที่ใช้ฉีดไม่มากนักและไม่มีอันตรายที่รุนแรง

5.การรักษาด้วยวิธีการเหล่านี้จะได้ผลดี ในกรณีที่เส้นประสาทไม่ถูกกดทับมากนัก ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด โดยตัดเอาส่วนของพังผืด เส้นเอ็นในส่วนที่กดทับเส้นประสาทออก หลังผ่าตัดอาการก็จะดีขึ้น อาการปวดลดลง อาการชาลดลงแต่อาจไม่ถึงกับหายสนิทยังจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง

6.ยารับประทานที่มักนิยมใช้ คือ ยาต้านการอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์และยาบำรุงเส้นประสาท

7.อาการมือชา ถ้าไม่รับการรักษาและปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ จนส่งผลให้เกิดอาการรุนแรงได้นั้น คือ การที่กล้ามเนื้อบริเวณอุ้งนิ้วหัวแม่มือลีบไป และทำให้กำลังมือลดลง

คำแนะนำถึงวิธีบรรเทาอาการ หรือวิธีปฏิบัติตัวให้ห่างไกลจากอาการมือชา

1.หลีกเลี่ยงการใช้งานมือในลักษณะเกร็งนาน ๆ

2.การใช้ยาลดอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ชนิดรับประทานมักจะได้ผลดี โดยอยู่ในดุลพินิจของแพทย์

อย่างไรก็ตาม อาการมือเท้าชาอาจมีสาเหตุมาจากระบบประสาท จึงควรเข้ารับการตรวจและพบแพทย์ที่ศูนย์เฉพาะทางสมองและระบบประสาทด้วยเพื่อหาแนวทางรักษาที่เหมาะสม

 

* ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.aufarmshop.com/content-6/