นัดพบแพทย์

อาการเตือนของโรคพาร์กินสัน สังเกตได้กับคนใกล้ตัว

03 Mar 2025 เปิดอ่าน 26

เป็นที่ทราบกันดีว่า “โรคพาร์กินสัน” มักพบในผู้สูงอายุ เมื่อใดที่ญาติผู้ใหญ่มีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ จงอย่าชะล่าใจโดยคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่ต้องเกิดกับผู้สูงอายุทุกคน เพราะอาการเคลื่อนไหวผิดปกติ (Movement Disorders) ที่พบนั้นอาจเกิดจากโรคหรือความผิดปกติของระบบประสาท ที่ทำให้การควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายมีความผิดปกติไปจากเดิม ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนของโรคพาร์กินสันก็เป็นได้

สังเกตอาการแล้วบันทึกไว้…เพื่อประโยชน์ของคนไข้

เมื่อพบลักษณะการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ เราควรสังเกตและจดบันทึก เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้บอกแก่แพทย์เมื่อเข้ารับการตรวจหาความผิดปกติ

  • ดูความสามารถในการควบคุมการเคลื่อนไหวว่าเป็นอย่างไร
    หากผู้ป่วยมีอาการร่างกายเคลื่อนไหวผิดปกติ ผู้ป่วยจะไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้ และไม่สามารถตั้งใจทำให้การเคลื่อนไหวเกิดขึ้นหรือหยุดลงได้ตามต้องการ ในบางครั้งอาจจะสามารถควบคุมอาการได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น
  • ลักษณะของการเคลื่อนไหวเป็นอย่างไร
    ต้องสังเกตให้ดีว่าการเคลื่อนไหวของผู้ป่วยนั้นเป็นการเคลื่อนไหวแบบที่น้อยกว่าปกติหรือเคลื่อนไหวมากกว่าปกติจากที่เคยเป็น
    1. สังเกตความเร็วและความสม่ำเสมอของการเคลื่อนไหวว่าเป็นอย่างไร
    2. ตรวจสอบประวัติของการเคลื่อนไหว เช่น
      • มีการเคลื่อนไหวผิดปกติตั้งแต่เมื่อใด
      • มีปัจจัยใดที่กระตุ้นให้มีอาการผิดปกติน้อยลง
      • ในแต่ละครั้งที่เกิดความผิดปกติ เกิดขึ้นเป็นเวลานานเท่าใด
      • ความสัมพันธ์กับท่าทางสอดคล้องหรือผิดไปจากธรรมชาติอย่างไร
      • มีปัจจัยใดที่ช่วยให้มีอาการผิดปกติน้อยลง

นอกจากนี้ควรบันทึกข้อมูลประวัติของครอบครัวเพื่อประกอบการวินิจฉัยด้วย

  • ลักษณะอื่นๆ ที่อาจมีผลสอดคล้องกับอาการผิดปกติ

เช่น การมีโรคประจำตัว ระดับสติปัญญาปกติดีหรือไม่ หรือมีความผิดปกติทางระบบประสาทอื่นๆ ร่วมด้วยหรือไม่

การเคลื่อนไหวผิดปกติแบ่งได้ 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ

  1. การเคลื่อนไหวที่มากกว่าปกติ
  2. การเคลื่อนไหวที่น้อยกว่าปกติ

แต่ก็พบว่าผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่มีความผิดปกติทั้ง 2 ลักษณะร่วมกัน

การเคลื่อนไหวมากกว่าปกติ (Hyperkinetic Movement) มีลักษณะอย่างไร

อาการ “สั่น” คือ ลักษณะการเคลื่อนไหวที่มากเกินกว่าปกติ โดยที่กล้ามเนื้อจะเคลื่อนไหวในลักษณะที่สม่ำเสมอเป็นจังหวะ ส่วนความถี่ของการสั่นและบริเวณกว้างของพื้นที่การสั่นนั้นจะมากหรือน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับลักษณะการเคลื่อนไหวของผู้ป่วยแต่ละคน ดังนี้

  1. อาการสั่นที่เกิดขึ้นในขณะพัก (Resting Tremor) อาการสั่นนี้จะเกิดในขณะที่ร่างกายอยู่นิ่ง แต่ถ้าผู้ป่วยมีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนอิริยาบถการสั่นจะลดลงหรือหยุดลง
  2. อาการยุกยิกหรืออาการอยู่ไม่นิ่ง (Dyskinesia) อาการ Dyskinesia นี้ เป็นผลข้างเคียงมาจากการรักษาด้วยยา Levodopa ทำให้ร่างกายมีอาการยุกยิกอยู่ไม่นิ่ง เคลื่อนไหวคล้ายการร่ายรำ พบมากในส่วนของใบหน้าและส่วนปลายแขนปลายขา

แต่สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกาย หากผู้ป่วยรับประทานยามากขึ้นอาการยุกยิกก็จะแสดงออกมากขึ้น

การเคลื่อนไหวน้อยกว่าปกติ (Hypokinetic Movement) มีลักษณะอย่างไร

  1. มีอาการเคลื่อนไหวช้า (bradykinesia) และมีอาการแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อ (rigidity)
  2. มีปัญหาในการทรงตัวผิดปกติ (postural instability) สามารถทสอบได้โดยการทำ Pull test คือใช้มือสองข้างดึงผู้ป่วยให้ถอยหลัง ซึ่งจะมีคนคอยพยุงอยู่ข้างหลัง ผู้ป่วยที่มีปัญหานี้จะมีการก้าวถอยหลังหลายก้าวกว่าจะทรงตัวได้ หรือบางรายอาจหกล้มเพราะไม่สามารถทรงตัวได้เลย

รู้เร็ว รักษาไว…ทำคุณภาพชีวิตให้ดีได้

แม้ว่าเราจะสังเกตอาการของคนใกล้ชิดอย่างดีแล้ว แต่การจะวินิจฉัยว่าเป็นโรคพาร์กินสันหรือไม่นั้นต้องอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

แพทย์จะซักประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียด โดยใช้วิธีการสังเกตและบันทึกลักษณะการเคลื่อนไหว โดยการถ่ายภาพวิดีโอ แล้วนำภาพแต่ละครั้งมาเปรียบเทียบว่าแตกต่างกันอย่างไรบ้าง รวมถึงการตรวจอื่นๆ ประกอบ

ดังนั้นเราควรหมั่นสังเกตและจดบันทึกอาการของคนใกล้ชิด หากเริ่มมีความผิดปกติในการเคลื่อนไหวร่างกายควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาให้ถูกจุด เพื่อให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีต่อไปให้นานที่สุด

ขอขอบคุณบทความจาก https://www.phyathai.com/th/article/3428-warning-signs-of-parkinsons-disease