นัดพบแพทย์

แพ้เครื่องสำอาง โดย รศ. นพ. นภดล นภคุณ (Thailand makeover Magazine – free copy)

23 Feb 2017 เปิดอ่าน 1728

“สารกันเสีย น้ำหอม สารแต่งสีและกลิ่น ทำให้เกิดอาการแพ้ได้ เช่น มีผื่นแดง คัน มีสิวอุดตัน บางคนแพ้เร็ว บางคนใช้แล้วเป็นเดือนกว่าจะมีอาการแพ้”

คงแทบไม่มีผู้หญิงคนใดที่ไม่ใช้เครื่องสำอาง ไม่ว่าจะเป็นครีม เมคอัพ ผลิตภัณฑ์กันแดด ฯลฯ แต่บางคนใช้แล้วเกิดอาการแพ้เครื่องสำอางโดยไม่รู้ตัว และหาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมจึงมีสิวอุดตันหรือรูขุมขนอักเสบ เราจึงต้องรู้เท่าทันอาการแพ้เครื่องสำอางให้ปลอดภัย โดย รศ. นพ. นภดล นพคุณ อาจารย์พิเศษ สาขาตจวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและอดีตนายากสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า “ส่วนใหญ่ที่แพ้กันบ่อยเกิดจากสารกันเสีย ซึ่งเป็นยาต้านเชื้อราและต้านเชื้อแบคทีเรีย ถัดไปคือน้ำหอม สารแต่งสีและแต่งกลิ่น”

อาการแพ้เครื่องสำอางมี 2 ลักษณะ

  1. ใช้แล้วมีอาการระคายเคือง มีผื่นแดงหรือมีอาการคัน อาการเหล่านี้เกิดจากการแพ้เครื่องสำอางที่ใช้ คือทาบริเวณใดก็จะแพ้ตรงนั้น ใช้เวลาประมาณ 7-14 วัน จึงจะเริ่มมีอาการแพ้ โดยเฉพาะถ้าเคยแพ้สารเคมีที่อยู่ในเครื่องสำอางมาก่อน จะเกิดอาการแพ้เร็วมาก ประมาณ 24-48 ชั่วโมง
  2. ใช้เวลานานกว่าจะแสดงอาการแพ้ เช่น เกิดสิวเล็กๆ สิวอุดตัน เป็นอาการที่เกิดจากสารเคมีที่อยู่ในเครื่องสำอาง ทำให้เกิดอาการอักเสบของรูขุมขน ใช้เวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์กว่าจะแสดงอาการแพ้ออกมา ทำให้คนไข้บางรายคิดว่าไม่ได้เกิดจากเครื่องสำอางที่ใช้

การรักษา รักษาตามอาการที่เกิดขึ้น ใช้ยาทา เช่น สเตียรอยด์ ยารับประทานแก้คัน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้องหลีกเลี่ยงสารเคมีหรือเครื่องสำอางที่ทำให้แพ้ และควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยได้อย่างถูกต้องว่าเป็นโรคอะไร แพ้เครื่องสำอางตัวใด สิ่งสำคัญคือ ไม่ควรซื้อยาทาเองเพราะจะทำให้เป็นมากขึ้นโดยไม่จำเป็น ทำให้เสียเวลาและเสียเงิน

การป้องกัน ถ้าเราใช้เครื่องสำอางแล้วมีอาการแพ้เกิดขึ้น ควรไปพบแพทย์ และหลีกเลี่ยงเครื่องสำอางตัวนั้น เพราะถ้าใช้ต่อจะทำให้หน้าอักเสบยิ่งขึ้น หรือเป็นผื่นดำ

เครื่องสำอางกับสารกันเสีย แทบไม่มีเครื่องสำอางที่ไม่มีสารกันเสีย เพราะสารกันเสียจะทำให้เครื่องสำอางมีอายุการขายได้นาน แต่อาจมีเครื่องสำอางบางอย่างบรรจุในภาชนะบรรจุสุญญากาศ เพื่อป้องกันไม่ให้มีสิ่งแปลกปลอม ไม่ให้มีแบคทีเรียและเชื้อราปนเปื้อน กรณีนี้อาจไม่ต้องใส่สารกันเสีย

ความแตกต่างของเครื่องสำอางและเวชสำอาง ต้องรู้ความแตกต่างก่อนว่า ยาคืออะไรก็ตามที่ทาแล้วทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของผิวหนัง ดังนั้น การจะทำเป็นยาจดทะเบียนได้จะต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ทั้งนี้เครื่องสำอางและเวชสำอางมีความแตกต่างดังนี้

  • เครื่องสำอางไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของผิวหนัง เป็นสิ่งที่ใช้ปกปิดและส่งเสริมให้ดูดีขึ้น แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของผิวหนังได้
  • เวชสำอางอยู่ตรงกลาง ก้ำกึ่งกัน คือสามารถทำให้ผิวหนังมีการเปลี่ยนแปลงได้บ้าง เป็นเครื่องสำอางที่ไม่ต้องมีการตรวจสอบอย่างใกล้ชิด

ข้อแนะนำ การเลือกซื้อเครื่องสำอางต้องเลือกซื้อจากผลิตภัณฑ์ที่เชื่อถือได้ มีการทำวิจัย มีการตรวจสอบในคนว่ามีความปลอดภัย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาแพงหรือราคาถูก และไม่ควรเปลี่ยนเครื่องสำอางบ่อยๆ เพราะจะทำให้เราสัมผัสกับสารต่างๆ มากเกินความจำเป็น ทำให้เกิดการแพ้ง่าย

Tip: ครีมกันแดดสามารถทำให้แพ้ได้เช่นกัน สารดั้งเดิมที่ทำให้แพ้คือ PABA แต่ปัจจุบันแทบไม่มีในผลิตภัณฑ์กันแดด แต่ก็ยังมีคนแพ้สารเคมีในตัวกันแดดได้ เช่น แพ้สารกันเสีย แพ้น้ำหอม เป็นต้น ส่วนสารกันแดดประเภท physical เป็นสารกันแดดที่สะท้อนแสงออกไปหมด จำพวก Zinc oxide และ Titanium dioxide ทำให้เกิดการแพ้น้อยกว่าสารกันแดดประเภท chemical ทั้งนี้การใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่า SPF สูงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะปกติเราต้องทาผลิตภัณฑ์กันแดดให้หนามากๆ ต่อตารางมิลลิเมตรจึงจะป้องกันได้ตามที่ระบุไว้ในผลิตภัณฑ์ แต่โดยทั่วไปเรามักทาบางๆ จึงทำให้ค่า SPF เหลือแค่ 10-20 เท่านั้น ฉะนั้น การทากันแดดต้องมีค่า SPF สูง และทาให้ทั่วอย่างน้อย 1-2 ครั้งในแต่ละครั้งที่ทา