ครอบครัวใดที่มีลูกหลานเติบโตเร็ว สมบูรณ์ แข็งแรงกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน ผู้เป็นพ่อ หรือแม่ ก็จะรู้สึกดีใจ และภูมิใจที่ลูกของตน มีร่างกายที่เติบโตเร็วกว่าวัยมาก
แต่แท้จริงแล้วนั้นเป็นสัญญาณเตือนให้ทราบว่าเด็กอาจอยู่ใน ภาวะการเจริญเติบโตก่อนวัย ซึ่งเป็นสิ่งที่ พ่อแม่ ต้องใส่ใจและคอยหมั่นสังเกต เพราะเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความผิดปกติในร่างกาย ที่จะนำไปสู่ปัญหา เด็กเตี้ย ในอนาคตได้
ปัญหา "เด็กเตี้ย" ทางการแพทย์ถือว่า มีความสัมพันธ์กับปัญหา "เด็กโตก่อนวัย" หรือสภาวะการเป็นหนุ่มสาวก่อนวัย พญ.นวลผ่อง เหรียญมณีกุมารแพทย์เด็กทั่วไปและการเจริญเติบโต โรงพยาบาลพญาไท 2กล่าวถึงสาเหตุที่เด็กโตก่อนวัยหรือสภาวะการเป็นหนุ่มสาวก่อนวัยว่า สำหรับ เด็กผู้หญิงเกิดจากการมีการพัฒนาของเต้านมก่อนอายุ 8ปี หรือมีประจำเดือนครั้งแรกก่อนอายุ 9ปี ส่วนในเพศชายมีขนาดอัณฑะโตหรือมีลักษณะอื่น ๆ ประกอบให้เห็นชัดเจน อาทิ การแตกเสียงหนุ่ม หรือเสียงแหบห้าว มีกลิ่นตัว ปรากฏให้เห็นก่อนอายุ 9ปี โดยอาการภาวะเป็นหนุ่มสาวก่อนวัยจะพบในเด็กหญิงได้บ่อยกว่าเด็กชาย
อุบัติการณ์ของภาวะดังกล่าวพบถี่ขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากที่ บิดา มารดา ได้รับความรู้จากสื่อต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันมีมากมายจากหลาย ๆ สื่อด้วยกัน กระทั่งสามารถสังเกตการณ์เห็นการเปลี่ยนแปลง เมื่อชัดเจนขึ้นทำให้เกิดความกังวลและพาเด็กมาพบแพทย์เร็วขึ้น
พญ.นวลผ่อง อธิบายถึงภาวการณ์เจริญเติบโตก่อนวัยว่า เกิดจากการทำงานของต่อมใต้สมองที่อยู่บริเวณฐานสมองซึ่งมีหน้าที่สร้างฮอร์โมนมากระตุ้นต่อมเพศ นั่นคือ อัณฑะในเพศชาย และ รังไข่ในเพศหญิง ซึ่งมีการสร้างฮอร์โมนเพศเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ ทำให้เด็กมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ โดยพบว่า สาเหตุของโรคมาจากการปนเปื้อนของฮอร์โมนเร่งโต หรือสารเร่งโตในอาหาร ซึ่งพบในไก่มากที่สุด อีกสาเหตุหนึ่งมาจากกรรมพันธุ์ที่พ่อหรือแม่เคยมีภาวะเป็นหนุ่มสาวก่อนวัยมาก่อน รวมทั้ง เรื่องโภชนาการสมบูรณ์ที่บริโภคมากเกินไปจนเข้าสู่ภาวะเด็กอ้วน ซึ่งมีผลต่อการโตเกินวัยได้ด้วยเหมือนกัน
"การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายที่เป็นไปอย่างรวดเร็วนี้ ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ด้วย โดยในระยะท้ายของวัยนี้อัตราการเจริญเติบโตจะลดน้อยลงตามลำดับจนกระทั่งหยุดการเจริญเติบโต เมื่อมีการปิดเชื่อมของกระดูกบริเวณแขนและขา ทำให้เห็นได้ว่าการเติบโตในช่วงแรกของเด็กเป็นไปอย่างรวดเร็วซึ่งบางครั้งเด็กอาจจะถูกล้อเลียนจากเพื่อน ๆ หรือภาวะที่เป็นสาวก่อนวัย อาจทำให้พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป อาทิ ไม่สนใจเรื่องเรียน ให้ความสำคัญกับการแต่งตัว เรื่องความสวยความงาม หรือสนใจเพศตรงข้าม ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อเด็ก ที่สำคัญเด็กจะหยุดการเจริญเติบโตก่อนเด็กปกติทั่วไป"
พญ.นวลผ่อง กล่าวต่อว่า การจะบอกว่าลักษณะใดเรียกว่า เป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย ในเพศชายให้สังเกตขนาดของอัณฑะจะโตขึ้น นมแตกพาน เสียงแหบห้าว กล้ามเนื้อเป็นมัด มีกลิ่นตัว องคชาติมีขนาดใหญ่ขึ้น มีขนบริเวณรักแร้และอวัยวะเพศ ส่วนในเพศหญิงจะมีเต้านมโตขึ้น มีขนบริเวณรักแร้และอวัยวะเพศ มีกลิ่นตัว มีตกขาว และตามมาด้วยการมีประจำเดือน ซึ่งในเพศหญิงที่เป็นสาวก่อนวัยจะสูงได้อีกโดยเฉลี่ย 7-8ซม. เท่านั้น จากนั้น จะมีการเจริญเติบโตที่ช้ากว่าเด็กปกติทั่วไป
"จากข้อมูลพบว่า เด็กที่มีภาวการณ์เป็นหนุ่มสาวก่อนวัยพบได้ตั้งแต่อายุ 2-3ขวบ แต่เป็นเด็กที่มีอาการผิดปกติจากเนื้องอกในสมอง แต่ในกรณีของเด็กที่โตก่อนวัยหรือเป็นสาวก่อนวัย ซึ่งเกิดจากมีฮอร์โมนเพศในปริมาณสูงกว่าเด็กปกติ จะทำให้เด็กโตเร็วกว่าเพื่อนในวัยเดียวกัน ในขณะเดียวกันได้ส่งผลให้กระดูกปิดเร็วซึ่งสิ่งที่ตามมา คือ ระยะเวลาการเจริญเติบโตในวัยเด็กสั้นลงกว่าเด็กปกติ ทำให้เตี้ยเมื่อเข้าสู่ภาวะเป็นผู้ใหญ่
ส่วนปัญหาทางด้านจิตใจ ในส่วนของเด็กผู้หญิงที่เป็นสาวก่อนวัย จะมีร่างกายเหมือนเด็กวัยรุ่น แต่จิตใจยังเป็นเด็กอยู่ ซึ่งตรงนี้เด็กอาจจะรู้สึกอายเมื่อถูกเพื่อนล้อ หรือบางรายอาจถูกล่วงเกินทางเพศและตั้งครรภ์ตั้งแต่ยังเด็กได้ จึงเป็นเรื่องที่ควรเฝ้าระวังด้วยหากเด็กอยู่ในภาวะนี้"
สำหรับแนวทางการรักษา เมื่อพบว่า บุตรหลานมีอาการผิดปกติให้เข้าไปปรึกษากับกุมารแพทย์ โดยแพทย์จะเริ่มวินิจฉัยจาการเอกซเรย์กระดูกก่อนว่า มีโครงสร้างกระดูกล้ำหน้าหรือไม่ หากมีแพทย์จะอัลตราซาวด์ ที่มดลูก รังไข่ หรือวัดขนาดของอัณฑะและอวัยวะเพศของเด็กว่ามีขนาดเปลี่ยนแปลงเหมือนกับได้รับฮอร์โมนเพศกระตุ้นหรือไม่ หากมีภาวะ แพทย์จะทำการเอกซเรย์สมองต่อเพื่อตรวจหาสาเหตุ ซึ่งอาจมาจากความผิดปกติของต่อมใต้สมอง ซึ่งถ้าหากตรวจพบ แพทย์จะทำการรักษา หรือหากเด็กมีประวัติได้รับฮอร์โมนเพศก็ต้องสั่งระงับยาชนิดนั้น
ในกรณีที่ตรวจแล้วไม่พบสาเหตุ การรักษาจะทำได้เพียงการฉีดยาชะลอการเป็นสาว เพื่อให้เด็กสามารถเจริญเติบโตตามโครงสร้างที่ควรจะเป็น และลดความเสี่ยงต่าง ๆ เช่น มะเร็งเต้านมที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต รวมไปถึง เรื่องของสภาพจิตใจของเด็กที่อาจยังไม่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง รวมทั้ง รักษาด้วยการฉีดฮอร์โมนที่สังเคราะห์ขึ้นมาเข้ากล้ามเนื้อเดือนละครั้ง โดยฮอร์โมนชนิดนี้จะช่วยยับยั้งการหลั่งของฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง มีผลทำให้ฮอร์โมนเพศจากรังไข่ลดลง
ทั้งนี้ฮอร์โมนดังกล่าวจำเป็น ต้องฉีดติดต่อกันไปจนอายุประมาณ 10-12ขวบ และเมื่อหยุดฉีดเด็กจะเริ่มเป็นสาวภายใน 3-6เดือน ทั้งนี้พบว่า การใช้ยาจะได้ผลก็ต่อเมื่อเด็กยังไม่มีประจำเดือนและควรรักษาก่อน8ปี ถึงจะได้ผลดี
พญ.นวลผ่อง แนะนำ ทิ้งท้ายว่า การจัดสัดส่วนอาหารให้เด็กรับประทานอย่างเหมาะสม โดยไม่ให้เด็กกินของที่มีไขมันมากจนเกินไป มีการควบคุมอัตราการเพิ่มของน้ำหนักและความสูงควรให้อยู่ในเกณฑ์ปกติตามวัย เนื่องจากเด็กอ้วนจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้มาก โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงถือเป็นปัญหาทางร่างกายซึ่งสามารถควบคุมปัจจัยจากภายนอกได้
รวมทั้งการปรับพฤติกรรมการนอน ที่ไม่ควรปล่อยให้เด็กนอนดึกจนเกินไป ซึ่งช่วงเวลานอนพักผ่อนที่ดี ควรจะเข้านอนก่อน 22.00น. หรือสี่ทุ่ม เพราะช่วงเวลานี้ร่างกายจะมีการหลั่งฮอร์โมนเจริญเติบโตออกมาขณะที่หลับ เมื่อร่วมกับการออกกำลังกายสม่ำเสมอ ก็ช่วยลดความเสี่ยงในภาวะเป็นหนุ่มสาวก่อนวัยของเด็กลงได้
นอกจากนี้ แม้ว่าจะเข้าสู่ภาวะการเป็นหนุ่มสาวก่อนวัย แต่ในส่วนด้านจิตใจ หากได้รับการเลี้ยงดูที่ดี การเข้าอกเข้าใจของพ่อแม่ ย่อมจะมีผลต่ออุปนิสัยเด็กอย่างแน่นอน และสื่อในปัจจุบันนี้ยังมีผลกระทบต่อเด็กมากหากผู้ปกครองเป็นตัวอย่างที่ดีก็เสมือนเป็นเกราะป้องกันภัยหรือเป็นวัคซีนสังคมที่ดีให้แก่เด็กได้ด้วย
* ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์