นัดพบแพทย์

เรื่องลับๆ คุณครับระวัง ฉี่ราด!!!

02 Sep 2016 เปิดอ่าน 6972

  นี่ไม่ใช่คำถามเพื่อทำให้อาย หากแต่เป็นคำถามเพื่อเช็กสภาพระบบทางเดินปัสสาวะเบื้องต้น ถ้าเป็นเด็กหลังวัยอนุบาลยังฉี่รดที่นอนอยู่ นั่นอาจจะเป็นปัญหาทางพฤติกรรม แต่หากเกิดกับผู้ใหญ่คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่าไม่ได้เป็นช้ำรั่ว หรือปัสสาวะเล็ดราด
       
       **เช็กอาการฉี่ แบบไหนควรมาหาหมอ
       
       
นพ.กวิรัช ตันติวงศ์ ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ อธิบายภาวะปัสสาวะเล็ดราดหรือช้ำรั่วอย่างง่ายๆ ให้เห็นภาพว่า เป็นภาวะที่ไม่ตั้งใจก็ไหลได้ หมายความว่า กลั้นปัสสาวะไม่ได้ ปล่อยให้ไหลชุ่มกางเกง หรือเล็ดพอรำคาญ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย แต่โดยส่วนใหญ่คนที่ย่างเข้าสู่วัยสูงอายุมีแนวโน้มจะเกิดอาการช้ำรั่วได้มากกว่า เนื่องมาจากความเสื่อมของระบบควบคุมการขับถ่ายของกระเพาะปัสสาวะ กล้ามเนื้อหูรูด ท่อปัสสาวะและกล้ามเนื้อช่องเชิงกราน หรือกระบังลมทำงานไม่สัมพันธ์กันเหมือนเดิม

       
       “ปัญหาเรื่องปัสสาวะเกิดขึ้นได้กับทุกวัย แต่โดยอายุที่มากขึ้น ผู้ชายกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ จะมีปัญหาต่อมลูกหมากโต หรือเกี่ยวกับต่อมลูกหมากซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาการช้ำรั่วได้ ในขณะที่ผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือนประมาณ 60-70 เปอร์เซ็นต์จะมีปัญหาปัสสาวะเล็ดราด แต่ความจำเป็นถึงขนาดที่จะต้องมารักษานั้นบางทีเขาอาจจะไม่ได้แสดงตัวออกมามาก เพราะยังไม่มีใครออกมาทำสถิติเรื่องนี้มากนัก และหลายคนคิดว่าไม่ใช่เรื่องน่ากังวล”

ย่างไรก็ตาม ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ ให้ความเห็นว่า ปัญหาของระบบทางเดินปัสสาวะนั้นอย่างคิดว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญ อย่าคิดว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ และจะหายเองได้เช่นไข้หวัด เพราะยิ่งนานวันอาการก็จะยิ่งหนักข้อมากขึ้น บางคนอาจจะยังไม่มีอาการถึงขนาดว่าอยู่ดีๆ ก็ราด แต่ต่อไปนี้ก็อยู่ในลิสต์อาการที่จะต้องมาหาหมอเช่นกัน
       
       “เกร็งหน้าท้อง ไอ จาม หัวเราะ ตกใจ หรือแค่เปลี่ยนท่านั่ง และยังไม่ทันทำอะไรแค่นี้ก็ราดแล้วทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นหวัด ที่ผ่านมามีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบเรื้อรังหรือเปล่า? ข้อเข่าเสื่อม ก็ส่งผลให้ฉี่ราดได้ เบาหวาน ระวังมีโอกาสราดกว่าโรคอื่น มีปัญหาต่อมลูกหมากโตหรือไม่? ผู้หญิงที่เริ่มมีอาการอั้นไม่อยู่ ผู้ชายน้องชายไม่สู้ นกเขาไม่ขัน เหล่านี้ต้องระวังและเตรียมตัวไปหาหมอได้เลย”
       
       นอกจากนี้ คนที่มีปัญหาหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท มีปัญหาไขสันหลัง ระบบประสาทหรือคลอดลูกแบบธรรมชาติแล้วหลายคนก็อาจจะมีผลทำให้ปัสสาวะเล็ดได้เช่นกัน โดยเฉพาะผู้ที่เบ่งคลอดนานอาจจะมีปัญหาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะเนื่องจากด้านในอักเสบเพราะมดลูกบีบตัวมาที่ปากมดลูกทำให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นตายไปชั่วขณะ ผู้ที่ผ่านการผ่าตัดอุ้งเชิงกราน อีกทั้งโรคหัวใจ และความดันบ่งบอกว่าอาจจะมีอาการปัสสาวะเล็ดราดได้มากเช่นกัน ทั้งนี้ นพ.กวิรัช แนะนำผู้ที่เข้าข่ายเสี่ยงว่า กลุ่มผู้สูงอายุ 50-55 ขึ้นไปสมควรจะต้องมาตรวจโรคเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก ส่วนผู้หญิงถ้ามีปัสสาวะเล็ดราดแล้ว ปกติจะอายุ 45 ขึ้นไปก็ควรจะต้องมามองหาโรคเกี่ยวกับช่องคลอด อีกเรื่องคือเกี่ยวกับการปัสสาวะเป็นเลือดก็ควรจะมาพบหมอ

เรื่องลับๆ คุณครับระวัง ฉี่ราด!!!
Stress-ไอ จาม หัวเราะ หรือเกร็งหน้าท้องแล้วเล็ด Urge-ด่วน! ถ้าปวดต้องรีบไปส่วนใหญ่เกิดในผู้หญิง และ Overflow-ทลายล้นเขื่อน (ต่อมลูกหมาก) ส่วนใหญ่เกิดในผู้ชาย

        และสำหรับวัยทำงานที่อาจจะคิดว่าปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่นั้น อย่าเพิ่งชะล่าใจ เพราะในวัยทำงานปัญหาที่พบบ่อยสุดในวัยทำงานก็คือกระเพาะปัสสาวะอักเสบเฉียบพลัน เนื่องจากกลั้นปัสสาวะนาน ถ้ามีปวดหน่วงท้องน้อยเวลาปัสสาวะแล้วรู้สึกไม่สุดก็แนะนำให้มาหาหมอ ถ้าไปซื้อยาทานเอง แล้ว 3 วันไม่ดีขึ้น แนะนำให้มาหาหมอ ส่วนในผู้ชายจะมีเรื่องติดเชื้อในระบบเนื่องจากเพศสัมพันธ์ มันจะมีผลว่าเวลาถ่ายปัสสาวะจะมีหนอง สารคัดหลั่งอื่นๆ ออกมา ถ้ามีเรื่องเช่นนี้ก็ขอให้มาหาหมอ

        ส่วนวิธีป้องกันเบื้องต้นของอาการปัสสาวะเล็ดก็คือ เลี่ยงที่จะดื่มชา กาแฟและแอลกอฮอล์ที่กระตุ้นให้ปัสสาวะบ่อยมากขึ้น แต่อย่ากลัวปัสสาวะจนไม่กล้าดื่มน้ำ เพราะนั่นจะทำให้ร่างกายขาดน้ำ ส่งผลให้ระบบขับถ่ายยิ่งแย่เข้าไปอีก ควรพยายามดื่มน้ำสะอาดให้ได้วันละ 8-10 แก้ว แต่อาจดื่มน้ำให้น้อยในช่วงก่อนจะเข้านอนเพื่อจะไม่ต้องตื่นมาทำธุระกลางดึกรบกวนการนอน ทุกอย่างต้องอยู่บนความพอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป นพ.กวิรัช มีสูตรให้เลือกใช้เพื่อให้การขับถ่ายปัสสาวะระหว่างวันเป็นไปอย่างปกติในหลัก 4-4-2 คือ ตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเที่ยงต้องดื่มให้ได้ 4 แก้ว บ่ายถึงอาหารเย็น 4 แก้ว และหลังอาหารเย็นถึงก่อนนอน 2 แก้ว        **ออกกำลังก้น ช่วยไม่ให้ราด
       นพ.กวิรัช เล่าว่า
หากไปหาหมอวิธีที่นิยมตรวจในเบื้องต้นว่ากล้ามเนื้อทวารหนักเสื่อมหรือไม่นั้น จะใช้นิ้วชี้สอดเข้าทางรูทวาร จากนั้นให้คนไข้ขมิบก้นดูดเอานิ้วหมอเข้าไป หากแน่นพอดีแสดงว่ากล้ามเนื้อบริเวณนั้นยังแข็งแรงดี แต่ปัญหาระบบทางเดินปัสสาวะอาจจะมาจากสาเหตุอื่นซึ่งจะมีวิธีการตรวจแตกต่างไป ไม่ว่าจะเป็น ตรวจปัสสาวะ วัดความแรงของปัสสาวะ และสอบถามอาการอื่นๆ
       
       กระนั้น คุณหมอกวิรัช ก็ได้แนะนำวิธีป้องกันและเตรียมรับมือกับอาการกลั้นปัสสาวะไม่ได้ว่า การออกกำลังกล้ามเนื้อด้วยการขมิบกล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกราน หรือช่องคลอดสำหรับผู้หญิง ซึ่งสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา โดยวิธีการที่ถูกต้องคือขมิบโดยยกก้นขึ้นเล็กน้อยคล้ายลักษณะอั้นอุจจาระหรือปัสสาวะไม่ให้ไหลออกมา เกร็งกล้ามเนื้อก้นกบพร้อมนับหนึ่งถึงสามแล้วคลายนับเป็น 1 ครั้งครั้งละ 10 วินาที ทำได้ทั้งเช้า กลางวัน เย็น ยกละ 20 ครั้ง หนึ่งวันต้องให้ได้ 200 ครั้ง ซึ่งการขมิบก้นจะช่วยให้กล้ามเนื้อ 3 มัดบริเวณทวารหนักแข็งแรง ซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้งระบบการขับถ่าย ระบบปัสสาวะ และมีผลดีต่อการมีเพศสัมพันธ์ด้วย
       
       “การขมิบก้นจะมีผลดีต่อผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากผู้ชายจะมีปัญหาจากต่อมลูกหมาก แต่ก็สามารถทำวิธีนี้ได้ ยิ่งเริ่มเร็วยิ่งดี หากทำอย่างสม่ำเสมออาการเริ่มต้นอย่าง ไอ จาม หัวเราะแล้วปัสสาวะเล็ดก็จะหายได้ง่ายขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอาการที่รุนแรงมากกว่านั้นต้องขมิบก้นควบคู่ไปกับการรับประทานยา” นพ.กวิรัช บอก

       
       “ดื่มน้ำให้สม่ำเสมอ ไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป หลังอาหารเย็นไม่ควรเกิน 2 แก้วเพราะถ้าดื่มก่อนนอนรวดเดียวจะทำให้ตื่นนอนกลางดึกมาฉี่ ถ้าตื่นมากกว่า 1 หนถือว่ามีปัญหาของระบบทางเดินปัสสาวะแล้ว และถ้าตื่นบ่อยๆ ก็จะส่งผลทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอด้วย มันจะกระทบมากกว่าหนึ่ง”
       
       นพ.กวิรัช แนะนำอีกว่า หากกลั้นปัสสาวะไม่ได้จริงๆ ก็ให้รีบเข้าห้องน้ำ และอย่ากลั้นปัสสาวะเด็ดขาด เพราะนอกจากจะทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบเฉียบพลันแล้ว ในคนที่เป็นช้ำรั่วอาจจะทะลักจนกางเกงเปียกได้ โดยย้ำว่าให้ดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอ หากมีปัญหาด้านข้อเข่าให้กำหนดเวลาเข้าห้องน้ำให้แน่นอนโดยไม่ต้องรอให้ปวด เนื่องจากหากรอให้ปวดอาจจะกลั้นไม่ได้ และหากสงสัยว่าจะมีปัญหาด้านระบบทางเดินปัสสาวะต้องรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อแก้ปัญหาไม่ให้บานปลาย
       
       แต่ถ้ายังไหลแรง หมดเร็วล่ะก็ น่าจะยังปกติ ใช้ได้!!!...

* ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9510000104503