นัดพบแพทย์

โรคกรดไหลย้อน ท้องอืด ท้องเฟ้อ - ล้างลำไส้

13 Sep 2016 เปิดอ่าน 11115

การดูแลผู้ป่วยอาหารท้องอืด ท้องเฟ้อ
ต้องมีความเข้าใจถึงระบบทางเดินอาหารก่อน 

กระเพาะส่วนบน
จะมีลม ลมทำให้จุกเสียด แน่น
มีเมือกๆส่วนบน ทำให้คลื่นใส้ อาเจียร เบื่ออาหาร

กระเพาะส่วนกลาง
มีกรดทำให้ปวดท้องแสบท้อง

กระเพาะ ส่วนที่สาม
มีอาหารที่รับประทานค้างในกระเพาะส่วนล่าง ที่ชาวบ้านเรียกว่าอาหารไม่ย่อย แท้จริงแล้วเป็นอาหารที่ค้างอยู่ทำให้มีอาการท้องอืด แสบท้อง

เมื่ออาหารในกะเพาะและน้ำย่อยต่างๆไหลลงสู่ลำไส้เล็กซี่งมีความยาวเป็นเมตร เมตร น้ำย่อยมีหน้าที่ในการย่อยและดูดซึมอาหารกลับเข้าสู้ร่างกาย
โดยอาศัยน้ำย่อยจากที่ต่างๆ

ก.จากตับก็น้ำดี
ข.น้ำย่อยจากกระเพาะอาหาร
ค.น้ำย่อยจากตับอ่อน

ทั้งสามส่วนนี้ไหลลงมาลำไส้เล็กประมาณ 5-6 ลิตรต่อวัน จึงไหลลงสู่ลำไส้เล็กได้ยินเสียงโครกคราก หรือชาวบ้านเรียกว่า ท้องร้องโครกคราก ในลำใส้เล็ก ถ้าบีบตัวแรงก็ทำให้มีอาการเสียดท้อง ถ้าบีบตัวน้อย ทำให้มีอาการท้องอืดแน่นท้องได้

เมื่อขบวนการย่อยและดูดซึมจากลำใส้เล็กแล้วก็จะเหลือแค่กากอาหาร ก็คืออุจจาระ ซึ่งเป็นคล้ายๆของ ผักเน่า อาหารเน่าๆ ทั้งหลายที่ร่างกายไม่ต้องการ ก็จะถูกขับถ่ายมาทางลำใส้ใหญ่ประมาณ 1 เมตร ทอดมาจากด้านขวาของหน้าท้อง ตามใต้ชายโครงขวาและซ้ายลงมาในช่องท้องด้านซ้ายซี่งยาวประมาณ 1 เมตร และขับถ่ายออกมาเป็นอุจจาระ

คนปกติจะขับถ่ายอุจจาระออกมา ครั้งละประมาณ 20-30 เซ็นติเมตร เพราะฉนั้นอุจจาระที่เป็นของสกปรกจะเหลืออยู่ในลำใส้ประมาณ 60-70 เซนติเมตร ซี่งเสมือนหนี่งเราล้างมือแล้วท่ออุดตัน น้ำก็จะไหลเอ่ออยู่ในอ่างน้ำ เช่นเดียวกัน ในลำใส้ใหญ่ พี่ยังมีอุจจาระค้างอยู่ประมาณ 60-70% ทำให้ส่วนที่ค้างในกระเพาะอาหารไม่สามารถไหลลงมาสู้ลำไส้ได้ ดังนั้นจึงทำให้ของค้างในกระเพาะอาหารย้อนขีันไป อาจจะไปถึงหลอดอาหาร หน้าอก ลำคอทำให้มีอาการอับเสบ และเจ็บหน้าอก ทำให้คลื่นไส้ อาเจียร ได้และทำให้กรดในกระเพาะอาหารที่ค้างอยู่ รวมทั้งน้ำย่อยน้ำเมือก ขย้อนขีันมาที่ปาก ทำให้เจ็บคอ มีเสมหะมาก เราเรียกว่า "กรดไหลย้อน"ซี่งไม่ได้หมายความว่าเป็นโรค หรือเป็นแผล หรือมะเร็ง เพียงแต่เป็นชื่อตามอาหาร

หลักการการปฏิบัติดังนี้

1. พยายามไล่เอาของที่รับประทานเข้าไปลงไปสู่ลำไส้โดยเร็ว เช่นการออกกำลังกาย เพื่อให้มีการเคลื่อนไหวของกระเพาะและลำไส้ และทำให้ลมเลอออกมา หรือออกทางทวาร และอาหารที่ไม่ย่อยที่อยู่ในกระเพาะรวมทั้งกรดในกระเพาะ ที่ทำให้ท้องอืด แน่นท้องและปวดกระเพาะ การออกกำลังกายในช่วงเช้าก่อนลุกจากเตียงใช้เวลา 5 นาที

เราควรดื่มน้ำ 1 แก้วหลังจากอาหารกลางวัน 1 ชั่วโมง และอีก 1 แก้วหลังอาหารกลางวัน 2 ชม. อนึ่งตอนเช้า หรืออาหารค่ำ เมื่อเรารับประทานอาหารเช่นข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง เนี้อสัตว์ต่างๆ ยกเว้นปลา เวลาจะนอน อาหารที่ยังค้างอยู่ในกะเพาะ ยังย่อยไม่หมด ทำให้มีการจุกเสียดแน่นหน้าอก และปวดท้องได้ และเนื้อสัตว์จะทำให้เพิ่มปริมาณน้ำหลั่งและกรดออกมาจนเกือบเต็มกระเพาะทำให้มีอาการต่างๆ เช่น จุกเสียด แน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ และบางครั้งมีคลื่นใส่อาเจียร ดังนั้นการดื่มน้ำดังกล่าว จะช่วยทำให้ของที่เรารับประทานรวมทั้งน้ำย่อยและลมไหลลงสู้ลำไส้เร็วขีัน ทำให้ท้องว่างจรากลม กรด น้ำย่อย น้ำเมือกและอาหารจะทำให้เรารู้สีกสบายขีันอย่างมาก

ดังนั้นจำเป็นให้รับประทานอาหารมื้อเย็นให้น้อย และเป็นน้ำๆ เช่น ซุบ
หนี่งชาม แกงจืดผักกาดขาว แกงจืดวุ้นเส้น หรือโจ๊ก ข้าวต้มปลา สลัด ผลไม้ เช่นส้มโอ กล้วย และนมที่มีแคลเซี่ยมสูง ไขมันต่ำ ซึ่งหาซื้อได้ที่ร้าน 7-11 และซุบเป้อร์มาร์เกต ดื่มประมาณ หนี่งส่วนสามแก้ว ก่อนนอน
ซี่งมีประโยชน์สามประกาณ

1. ทำให้ภาวะกรดในกระเพาะน้อยลง

2. มีการขับถ่ายดีขี้น

3. ทำให้กระดูกพรุนน้อยลงและทำให้หลับง่าย

การปฏิบุติที่สำคัญอีกอย่างหนี่งคือ เกี่ยวข้องกับการ "ขับถ่าย" โดยปกติลำไส้ใหญ่มีความยาว 1 เมตร มีอุจจาระและลมคั่งค้างอยู่ในนั้น ดังนั้น ถ้ามีการขับถ่ายในแต่ละครั้งจะมีอุจจาระและน้ำออกมาประมาณ 20-30 เซ็นติเมตร และทำให้ 70-80 เซ็นติเมตรในลำใส้ใหญ่เต็มไปด้วยอุจจาระ ลม และน้ำสกปรก ในอุจจาระที่เหลือ 70-80 เซ็นติเมตรในลำใส้ใหญ่ เมื่อคั่งค้างอยู่เป็นเวลาหลายๆปีจะทำให้เกิดสารก่อมะเร็งในลำใส้ได้

ดังนั้นเราต้องกำจัดอุจจาระที่เหลือออกไปให้มากที่สุดโดยการรับประทานอาหาร และ ยาต่างๆหรือผักและผลไม้ให้มากเพื่อการขับถ่ายอุจจาระให้มากว่าหนี่งครั้งในแต่ละวันเช่นการให้ยา Milk Of Magnesia ชนิดเม็ดรับประทาน 5-10 เม็ดเวลา21.00-22.00 น. หรือเวลา 14.00-18.00 น.ตามด้วยน้ำ 1 แก้ว และให้ถ่ายอุจจาระในวันรุ่งขี้น อย่างน้อย 2 ครั้ง

จำนวนยาจะเพิ่มหรือลดลงแล้วแต่กรณีท้องผูกมากหรือถ่ายน้อย ซี่งถ้าใช้เวลา 3-7 วันถ่ายครั้งหนี่ง อาจจะต้องเพิ่มยาที่ทำให้ลำใส้มีแรงหรือบีบตัวให้มากขี้นด้วยยา senokot 3-8 เม็ด หลังจากรับประทาน Milk Of Magnesia แล้วครี่งชั่วโมง

จำนวน Senokot ให้เพิ่มขี้นหรือลดลง เพื่อให้ถ่ายได้อย่างน้อยวันละสองครั้งคือตื่นนอนเช้าหนี่งครั้ง และหลังอาหารเช้าอีกหนี่งครั้ง ถ้าถ่ายได้ 3-4 ครั้งต่อวันก็ยิ่งมีประโยชน์มากขีัน

ตัวอย่าง ผู้สูงอายุอยู่กับบ้านการเคลื่อนไหว ออกกำลังกายน้อยและดื่มน้ำน้อย ทำให้เกิดอาการท้องผูก แน่นท้อง ปวดท้อง และคลื่นไส้อาเจียร รับประทานอาหารไม่ได้ เนื่องจากเหตุต่างๆที่กล่าวมา จะทำให้อุจจาระค้างอยู่ในลำไส้ จีงเป็นเหตุให้ของต่างๆในกระเพาะไม่สามารถลงมาสู้ในลำใส้ได้ เป็นเหตุให้น้ำย่อยที่เพิ่มขี้นในกระเพาะเกิดล้นออกมา เกิดภาวะคลื่นไส้ อาเจียร ในผู้สูงอายุดังกล่าว

ดังนั้นการแก้ไขของผู้สูงอายุก็ด้วยวิธีการต่างๆดังกล่าวมาแล้ว เช่นเดียวกันกับกรณีเด็กนักเรียนรีบไปโรงเรียนแต่เช้า ไม่ได้ถ่ายอุจจาระ เมื่อถึงโรงเรียนห้องน้ำไม่ค่อยสะอาด ทำให้ไม่อยากถ่ายอุจจาระ เมื่อเป็นเช่นนี้ 2-3 วัน ต่อมาเด็กนักเรียนคนนั้นก็จะบ่นปวดท้อง กลัวว่าจะเป็นโรคกระเพาะอาหาร
จีงต้องแก้ไขตามวิธีต่างๆ

การรับประทานยา Milk Of Magnesia 3-4 เม็ดเวลาบ่ายสองโมง เพื่อจะได้มาขับถ่ายที่บ้านประมาณ 2-3 ทุ่ม

ในกรณีที่ไม่อยากรับประทานยาทุกวัน ขอให้ใช้ผัก ผลไม้แทนวันนั้นให้มากๆเช่นส้มโอ กล้วยและนมที่มีแคลเซี่ยมสูง ไขมันต่ำ ดังนั้นในกรณีที่มีลมในท้อง จุกเสียดแน่นท้อง เลอ อาการไม่ย่อย ส่วนมากเรามักจะเรียกว่ากระเพาะอาหารและลำไส้แปรปรวน

สรุปในกรณีที่เป็นกรดไหลย้อนไหลย้อน หลักใหญ่ก็คือของในกระเพาะรวมทั้งน้ำย่อย ลงลำไส้ ไม่พอเพียงที่จะที่จะขับอุจจาระออกไป ดังนั้นการล้างลำไส้ด้วย MOM และหรือรวมกับ Senokot จึงเป็นส่วนสำคัญที่สุดในชีวิตประจำวัน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเป็นอาการท้องเสีย หรือผิดปกติของการขับถ่าย เพราะจุดประสงค์ เราต้องการของสกปรกตางๆในลำไส้ใหญ่ออกให้มากที่สุด อันจะเป็นการรักษากรดไหลย้อน ท้องอืด ท้องเฟ้อ เลอเหม็นเปรียว ได้อย่างดี ดังน้้นการส่องกล้องกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่อาจจะไม่จำเป็นในระยะแรก ขอให้ปฏิบัตตามดังกล่าว 1-2 เดือน เพื่อศึกษาอาการตางๆ
ดังกล่าวว่าดีขี้นอย่างไร

ในกรณีที่สงสัยว่าการกิน MOM จะทำให้ติดนิสัยหรือไม้?

ขอให้เข้าใจว่าเรามีรถยนต์ก็ต้องให้น้ำมันเพื่อการขับรถเคลื่อนไปได้ เช่นเดียวกับความจำเป็นของการใช้วิธีต่างๆ ดังที่กล่าว รวมทั้งยาจะทำให้เรามีสุขภาพดีขีันและไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะทำให้เรามีความเคยชิน อาจจะรับประทานวันเว้นวัน หรือเว้นสองวันก็ได้

ยา MOM ชนิดเม็ดนี้มีอายุสามารถเก็บได้ถึง 4 ปี และสามารถหาซื้อได้ที่ ร้านขายยาและร้าน 7-11 แถวรพ.ศิริราช ส่วนยา MOM ชนิดน้ำมีขายตามร้านขายยาทั่วไป รับประทานครั้งละ 30-60 C. หรืออาจจะถึง 90 cc. หรือกินร่วมกับ Senokot ยาที่มีแรงบีบลำไส้

เราจะปฏิบัติต้วอย่างไร ในกรณีที่มีท้องผูก ท้องเสีย หรือท้องอืดแน่นท้อง กรดไหลย้อน คลื่นไส้ อาเจียร รับประทานอาหารไม่ได้

วิธีการต่างๆ ที่กล่าวมาจะเป็นการคล้ายกับเราทำ Detox หรือการล้างลำไส้เสมือนหนี่งเราฉีดน้ำไปในท่อสกปรกบ้านเรา ไม่ได้หมายความว่าเราท้องเสีย ถึงแม้จะถ่ายสาม สี่ครั้ง บางที่ก็ทำ Detox ตัวเองด้วยสารต่างๆเข้าทางทวาร ได้ผลของการขับถ่ายเพียง 1/3 ของลำไส้ใหญ่ ส่วนวิธีการต่างๆที่กล่าวมาจะได้ผลทั้งหมดของลำไส้

 

* ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=newyorknurse&month=03-2013&date=05&group=8&gblog=90