ข้อเข่าเสื่อมคืออะไร และทำไมต้องรักษา
ข้อเข่าเสื่อม (Knee Osteoarthritis) เป็นโรคที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของผิวกระดูกอ่อนในข้อเข่า เมื่อผิวข้อสึกหายไป กระดูกจะเสียดสีกันโดยตรง ทำให้เกิดอาการ ปวด บวม ฝืด ข้อเข่าโก่ง เดินลำบาก โรคนี้พบบ่อยในผู้สูงอายุ แต่จริง ๆ แล้วสามารถเกิดได้ตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ที่ใช้งานข้อเข่าหนัก หรือมีน้ำหนักเกิน
หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาการจะค่อย ๆ รุนแรงขึ้นจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน บางรายเดินไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็น และอาจทำให้เกิดโรคร่วมอื่น ๆ เช่น ข้อเสื่อมสะโพกหรือกระดูกสันหลัง เพราะการเดินผิดท่าต่อเนื่องเป็นเวลานาน
✅ วิธีรักษาแบบไม่ผ่าตัด
การรักษาแบบไม่ผ่าตัดเป็นทางเลือกแรก เหมาะกับผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมระยะเริ่มต้นถึงปานกลาง จุดมุ่งหมายคือ ลดอาการปวด, ชะลอการเสื่อม, รักษาการเคลื่อนไหว และเพิ่มคุณภาพชีวิต
1. การปรับพฤติกรรมและการใช้ชีวิต
• หลีกเลี่ยงการนั่งยอง ๆ, พับเพียบ, คุกเข่า หรือขึ้นลงบันไดบ่อย
• หลีกเลี่ยงการยกของหนัก
• เลือกเก้าอี้สูงนั่งสบาย ง่ายต่อการลุกขึ้น
• ใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน เช่น ไม้เท้า เพื่อกระจายแรงกด
ประโยชน์: ช่วยลดแรงกดบนข้อเข่า ป้องกันการเสื่อมเร็วขึ้น
2. การควบคุมน้ำหนัก
• น้ำหนักเกิน 1 กก. จะเพิ่มแรงกดบนข้อเข่าถึง 3–4 กก.
• การลดน้ำหนักเพียง 5–10% ช่วยให้อาการปวดเข่าลดลงชัดเจน
• ควรออกกำลังกายที่แรงกระแทกน้อย เช่น ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เดินในน้ำ
ประโยชน์: ลดแรงกดบนข้อเข่า, ลดปวด, เพิ่มความแข็งแรงโดยรวมของร่างกาย
3. การใช้ยา
• ยาแก้ปวด (Paracetamol): ใช้ในกรณีอาการไม่รุนแรง
• ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs): เช่น Celecoxib, Etoricoxib ช่วยลดปวดและบวม แต่ต้องใช้ด้วยความระมัดระวังในผู้ที่มีโรคประจำตัว
• ยาทาเฉพาะที่: เจลลดปวด, พลาสเตอร์บรรเทาปวด
• ยาบำรุงข้อ (Glucosamine, Chondroitin): อาจช่วยชะลอการเสื่อมในบางราย
ประโยชน์: ลดปวด, ทำให้ใช้ชีวิตได้สะดวกขึ้น แต่ไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
4. กายภาพบำบัด (Physical Therapy)
กายภาพเป็นหัวใจสำคัญ เพราะทำให้ข้อเข่าแข็งแรงและมั่นคงขึ้น
• ฝึกเกร็งกล้ามเนื้อต้นขา (Quadriceps setting)
• ฝึกเหยียดและงอข้อเข่า
• ใช้เครื่องมือกายภาพ เช่น อัลตราซาวนด์ เลเซอร์ หรือประคบร้อน/เย็น
• ฝึกเดินและฝึกการทรงตัว
ประโยชน์: ลดปวด, เพิ่มช่วงการเคลื่อนไหว, ป้องกันข้อเข่าติด
5. การฉีดยาเข้าข้อเข่า
5.1 การฉีดสเตียรอยด์ (Steroid injection)
• ลดการอักเสบและอาการปวดได้เร็ว
• ผลอยู่ประมาณ 1–2 เดือน
• เหมาะกับผู้ที่มีข้ออักเสบรุนแรงชั่วคราว
• ไม่ควรฉีดเกิน 3–4 ครั้งต่อปี
5.2 การฉีดน้ำหล่อเลี้ยงข้อเข่า (Hyaluronic acid)
• สารหล่อลื่นที่ช่วยลดการเสียดสี
• ทำให้ข้อเข่าเคลื่อนไหวลื่นขึ้น ลดปวดได้ 6–12 เดือน
• เหมาะกับผู้ที่ข้อเสื่อมระยะต้นถึงกลาง
5.3 การฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น (PRP: Platelet Rich Plasma)
• ใช้เลือดของผู้ป่วยเอง ปั่นแยกเอาเกล็ดเลือดเข้มข้นแล้วฉีดกลับเข้าไปในข้อ
• กระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและลดการอักเสบ
• เหมาะกับผู้ที่ยังไม่อยากผ่าตัด
ประโยชน์โดยรวมของการฉีดยา: ลดปวด, ช่วยให้เดินได้ดีขึ้น, เป็นทางเลือกก่อนการผ่าตัด
✅ การรักษาแบบผ่าตัด
ในกรณีที่ข้อเข่าเสื่อมรุนแรง (ระยะ 3–4) และการรักษาแบบไม่ผ่าตัดไม่ได้ผลแล้ว การผ่าตัดคือวิธีที่ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติอีกครั้ง
1. การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม (Total Knee Replacement – TKR)
• ศัลยแพทย์จะนำผิวข้อที่สึกออก แล้วใส่วัสดุเทียมที่ทำจากโลหะและพลาสติกพิเศษเข้าไปแทน
• จุดมุ่งหมาย: ลดปวด, ให้ผู้ป่วยเดินได้มั่นคง และกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้
• ข้อเข่าเทียมมีอายุการใช้งานเฉลี่ย 15–20 ปี
ข้อดี: ผลลัพธ์ชัดเจนในผู้ป่วยข้อเสื่อมระยะสุดท้าย
ข้อควรระวัง: ต้องพักฟื้นและทำกายภาพอย่างต่อเนื่อง
2. การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมด้วยหุ่นยนต์ (Robotic Knee Replacement)
• ใช้ระบบคอมพิวเตอร์และหุ่นยนต์ช่วยแพทย์ในการกำหนดตำแหน่งการใส่ข้อเข่าเทียม
• หุ่นยนต์สามารถสร้างภาพสามมิติของข้อเข่าแบบเรียลไทม์ ทำให้ผ่าตัดแม่นยำสูง
• ข้อดี: แผลเล็ก, เจ็บน้อย, เสียเลือดน้อย, ฟื้นตัวไวกว่า, ข้อเข่าเทียมอยู่ได้นานขึ้น
ข้อดีเพิ่มเติม:
• ลดโอกาสการใส่ข้อผิดตำแหน่ง
• ฟื้นฟูเร็ว ผู้ป่วยสามารถลุกเดินได้ตั้งแต่วันแรกหลังผ่าตัด
• ลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว
คำถามที่พบบ่อย
Q: ทุกคนที่ข้อเข่าเสื่อมต้องผ่าตัดไหม?
A: ไม่จำเป็น การผ่าตัดใช้ในกรณีที่การรักษาแบบไม่ผ่าตัดไม่ได้ผลแล้วเท่านั้น
Q: ฉีดยาข้อเข่าแทนการผ่าตัดได้หรือไม่?
A: ได้ในผู้ที่อยู่ระยะต้นถึงกลาง แต่ถ้าเสื่อมรุนแรงแล้วการฉีดมักไม่เพียงพอ
Q: การผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ดีกว่าการผ่าตัดทั่วไปยังไง?
A: แม่นยำกว่า, เจ็บน้อยกว่า, ฟื้นตัวไวกว่า และข้อเข่าเทียมอยู่ได้นานกว่า
Q: ผ่าตัดข้อเข่าเทียมอยู่ได้นานกี่ปี?
A: โดยเฉลี่ย 15–20 ปี และอาจอยู่นานกว่านั้นหากดูแลดี
สรุป
ข้อเข่าเสื่อมมีวิธีรักษาหลากหลาย ตั้งแต่การปรับพฤติกรรม การกายภาพ การใช้ยา การฉีดยา ไปจนถึงการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม ทั้งแบบทั่วไปและแบบใช้หุ่นยนต์ช่วย การเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมที่สุดขึ้นอยู่กับอาการ ระยะของโรค และความต้องการของผู้ป่วย การปรึกษาศัลยแพทย์กระดูกและข้อจะช่วยให้คุณเลือกทางออกที่เหมาะสมที่สุด เพื่อกลับมาเดินได้อย่างมั่นใจและมีคุณภาพชีวิตที่ดี