นัดพบแพทย์

4 โรคไม่ใช่มะเร็งที่คุณผู้หญิง ควรสนใจ (ระวัง)

04 Aug 2016 เปิดอ่าน 1685

คุณผู้หญิงที่มีสุขภาพดี ไม่ควรมีอาการผิดปกติใดๆขณะมีระดู แม้บางท่านอาจจะมีอาการปวดท้องน้อยขณะมีระดูได้บ้าง แต่ไม่ควรรุนแรง

ถ้าคุณผู้หญิงมีอาการ 
– ปวดระดูจนต้องนอนพัก หยุดงานหรือต้องรับประทานยาแก้ปวดหรือมีอาการปวดขณะมีเพศสัมพันธุ์ร่วมด้วย
– มีระดูมาก อาจมีอาการอ่อนเพลีย หรือซีดร่วมด้วย
– ปัสสาวะบ่อย จนในยามค่ำคืนต้องลุกมาถ่าย 2-3 ครั้ง
– ปวดท้องน้อยเฉียบพลัน ปวดมากขึ้นเรื่อยๆและอาจจะปวดมากขึ้นถ้านอนหรือนั่งในบางท่า

“โปรดอย่าได้นิ่งนอนใจ คุณผู้หญิง อาจมีโรคใดโรคหนึ่ง ที่จำเป็นต้องรักษา”

1.ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ และ Chocolate cyst

ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ พบได้บ่อยมากในสตรีวัยเจริญพันธุ์ โรคนี้เกิดมากับเลือด ระดู ร้อยละ 90 ของสตรีจะมีเลือดไหลย้อนเข้าสู่อุ้งเชิงกรานขณะมีระดู เซลล์ของเยื่อบุโพรงมดลูกของคุณผู้หญิงบางท่าน ไม่ตาย จะเจริญต่อไปจนเกิดเป็นภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ในอุ้งเชิงกราน ประมาณว่าร้อยละ 10 ของคุณผู้หญิงวัยนี้จะเป็นโรคนี้ เหตุผลก็เพราะว่าคุณผู้หญิงในปัจจุบันมีระดูเร็ว และมีระดูนานกว่าจะแต่งงานและมีลูก ก็มีระดูไม่น้อยว่า 10-20 ปี โอกาสเป็นโรคนี้จึงมีมาก  ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ทำให้เกิดพังผืดในอุ้งเชิงกราน ต่อมาเกิดถุงน้ำเล็กๆที่มีของเหลวเหมือน Chocolate ค่อยๆเบียดเนื้อรังไข่ และขยายใหญ่จนเป็นถุงน้ำขนาดใหญ่ขึ้นเป็นช็อกโกแลตซีส (Chocolate cyst)โรคเหล่านี้มีอาการปวดระดูมากเป็นอาการสำคัญเมื่อเป็นมากขึ้นจะมีอาการปวดขณะมีเพศสัมพันธุ์ ปวดเรื้อรัง ที่มีอาการปวดทุกวันเป็นเวลานาน ถ้าโรคกระจายไปกระเพาะปัสสาวะหรือลำไส้ใหญ่ จะมีอาการถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระปนเลือด บางรายอาจมีอาการของลำไส้แปรปรวนได้ คุณผู้หญิงจำนวนมากที่มีโรคนี้ จะมีภาวะมีบุตรยากด้วย

2.ถุงน้ำ หรือ ซีสต์ที่รังไข่ (Ovarian cyst)

ถุงน้ำที่รังไข่ เป็นถุงน้ำที่เกิดจากเซลล์ในรังไข่เอง ถุงน้ำรังไข่แบบนี้ที่สำคัญพบได้ 2 ชนิด คือ ถุงน้ำที่เกิดจากเซลล์ผิวของรังไข่ (Epithelial cell) และถุงน้ำที่เกิดจากเซลล์ผิวหนัง (Dermoid cyst) โดยทั่วไปในระยะแรกจะไม่มีอาการ แต่ถุงน้ำจะค่อยๆใหญ่ขึ้น เมื่อถุงน้ำใหญ่ขึ้นจนแกว่งตัวได้ ก็มีโอกาสบิดขั้วที่รังไข่ของคุณผู้หญิงได้ จะเกิดอาการปวดท้องน้อยเฉียบพลัน   ในระยะแรกจะปวดเป็นพักๆ และอาการปวดหายไปได้ ถ้าการบิดขั้วหมุนกลับไปสู่ตำแหน่งปกติ แต่อาการปวดจะรุนแรงขึ้น จนกระทั่งปวดไปทั่วท้อง เมื่อการบิดขั้วรุนแรงมากจนทำให้รังไข่คั่งเลือด ในระยะนี้คุณผู้หญิงจะปวดมากจนทนอาการปวดไม่ไหวต้องมาพบแพทย์แบบฉุกเฉิน

3.โรคมดลูกโตจากพังผืดในชั้นกล้ามเนื้อ

โรคนี้ยังไม่มีชื่อเฉพาะในภาษาไทย ชื่อในภาษาอังกฤษคือ Adenomyosis เป็นโรคที่มีเซลล์ของเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญในชั้นกล้ามเนื้อของมดลูก (คล้ายกับภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ที่เซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกไปเจริญในอุ้งเชิงกราน) เซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกจะเจริญและสลายตามรอบะดู ขณะมีระดูเซลล์เหล่านี้จะสลายเกิดการอักเสบในชั้นกล้ามเนื้อ กระตุ้นให้เกิดการบีบรัดตัวของมดลูก ทำให้เกิดอาการปวดระดู หลังหมดระดูเกิดพังผืดในบริเวณชั้นกล้ามเนื้อนี้ ภาวะนี้เกิดซ้ำๆในแต่ละรอบระดู ทำให้มดลูกใหญ่ขึ้น เป็นรูปทรงกลม และอาการจะรุนแรงขึ้นได้ นอกจากคุณผู้หญิงจะมีอาการปวดระดูแล้ว ระดูมมามากก็เป็นอาการที่พบบ่อยร่วมด้วย ในรายที่รุนแรงจะมีอาการปวดเรื้อรัง ปวดหน่วง หรืออาการปวดคล้ายปวดระดูเกือบทุกวัน

4.โรคเนื้องอกมดลูก

โรคเนื้องอกมดลูกเป็นโรคที่พบบ่อยที่สุดของคุณผู้หญิง เซลล์กล้ามเนื้อบางตำแหน่ง แบ่งตัวและเจริญจนเป็นก้อนแทรกในชั้นกล้ามเนื้อ เรายังไม่ทราบสาเหตุของโรคนี้ แต่พันธุกรรมน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง บางครอบครัวเป็นทุกคนตั้งแต่แม่และลูกสาวทุกคน แม้จะไม่ใช่โรคร้ายแต่คุณผู้หญิงบางราย อาจจะมีอาการรุนแรงได้ อาการต่างๆของโรคนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของเนื้องอ  เนื้องอกที่อยู่ใต้เยื่อบุโพรงมดลูก จะทำให้มาระดูออกมาก และมีระดูหลายวัน คุณผู้หญิงจะรู้สึกอ่อนเพลีย และเหนื่อยง่ายจากภาวะซีด ถ้าก้อนเนื้องอกที่อยู่ด้านหน้าใต้กระเพาะปัสสาวะ จะกดกระเพาะปัสสาวะทำให้มีอาการปัสสาวะบ่อย บางรายอาจมีอาการปัสสาวะลำบาก ก้อนที่อยู่ทางด้านหลังก็จะกดลำไส้ใหญ่จนเกิดอาการท้องผูก ก้อนที่ขยายไปทางด้านข้างด้วย อาจจะไปกดท่อไตมีผลทำให้การทำงานของไตเสียได้ ก้อนที่ด้านบนของมดลูก ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ และตรวจพบเมื่อก้อนมีขนาดใหญ่มากแล้ว

แม้จะไม่ใช่โรคร้ายหรือมะเร็ง แค่โรคทั้ง 4 สามารถก่อให้เกิดอาการที่มีผลต่อสุขภาพในระดับต่างๆ กับบางกรณีคุณผู้หญิงอาจไม่มีอาการ แต่มีการเปลี่ยนแปลงที่จะก่อให้เกิดต่ออันตรายสุขภาพอย่างมากได้ในภายหลัง ขอให้คุณผู้หญิงสนใจอาการที่ผิดปกติดังได้กล่าวแล้ว ถ้ามีข้อหนึ่งข้อใดโปรดได้พบสูติ-นรีแพทย์ แม้ว่าไม่มีอาการผิดปกติใดๆ คุณผู้หญิงก็ควรตรวจสุขภาพทุกปี เพื่อจะได้พบความผิดปกติก่อนที่จะก่ออันตรายสุขภาพ การใช้คลื่นเสียงความถี่สูง หรือการใช้ร่วมกับการตรวจภายใน ช่วยการตรวจหาภาวะหรือโรคดังกล่าวไว้ โดยคุณผู้หญิงไม่มีความเจ็บปวดหรือลำบากเลย

แนวทางการรักษาโรคทั้ง 4 ใช้การผ่าตัดรักษา เช่น การเลาะถุงน้ำ การเลาะเนื้องอกมดลูก การตัดรังไข่ และการตัดมดลูก การผ่าตัดในแต่ละชนิดขึ้นอยู่กับชนิดของโรค อายุของคุณผู้หญิง และการต้องการมีบุตรในอนาคต เป็นต้นว่า ถ้าคุณผู้หญิงอายุพอสมควร (วัย 40 ปี หรือกว่านั้น) เป็นเนื้องอกมดลูก การตัดมดลูก เป็นการผ่าตัดที่เหมาะสม แต่ถ้าอายุยังน้อย (30 กว่าปี หรือน้อยกว่า) ต้องการมีบุตรในอนาคตแต่เป็นช็อกโกแลตซีส การผ่าตัดที่เหมาะสม คือการเลาะถุงน้ำ
การผ่าตัดในปัจจุบัน นิยมใช้การผ่าตัดผ่านกล้อง การผ่าตัดรักษาโรคทั้ง 4 สามารถใช้การผ่าตัดผ่านกล้องได้ทั้งหมด คุณผู้หญิงจะมีความเจ็บปวดน้อยมาก ระหว่างและหลังการผ่าตัด นอนโรงพยาบาลสั้น และฟื้นตัวไปทำงานได้เร็ว โดยทั่วไปเพียง 1 สัปดาห์ ก็สามารถทำงานได้

“โรงพยาบาลกรุงเทพ ปัจจุบันใช้การผ่าตัดผ่านกล้องแบบ 3 มิติ กล้องชนิดนี้ช่วยให้เห็นภาพเสมือนจริง ทำให้มีความปลอดภัยมากขึ้น”

ขอบคุณข้อมูลจาก :
ศ.นพ. เสวก วีระเกียรติ (สูติ-นรีแพทย์)
ผู้เชี่ยวชาญการผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช
ศูนย์สุขภาพสตรีกรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ

 

* ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.trongdee.com/home