โพรงอากาศไซนัส จะมีรูเปิดซึ่งมีขนาดเล็ก เมื่อใดก็ตามที่มีการอุดตันรูเปิดที่อาจเกิดจากการบวมของเยื่อบุจากหวัดหรือภูมิแพ้ ทำให้เกิดการคั่งค้างของน้ำมูกภายในโพรงจมูก และมีเชื้อโรคเข้ามาทำให้เกิดไซนัสอักเสบขึ้น
เมื่อป่วยเป็นไซนัสอักเสบ จะมีอาการ น้ำมูกไหลข้นเขียว , มีเสมหะไหลลงคอ , ไอโดยเฉพาะเวลากลางคืน , คัดจมูก บางครั้งรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ คล้ายมีไข้ และ ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น และที่สำคัญจะมี อาการปวดไซนัส โดยจะปวดบริเวณโหนกแก้ม หัวคิ้ว หรือหน้าผาก โดยเฉพาะอาการปวดไซนัสจึงมีมากเวลาเช้าๆ หลังตื่นนอน เนื่องจากเวลาเรานอนหลับจะเกิดการคั่งค้างของหนองภายในโพรงไซนัส จะเกิดการสะสมของของเหลวเป็นจำนวนมากภายใต้แรงกดดันภายในโพรงไซนัสจึงทำให้เกิดการปวดขึ้น
สาเหตุที่ทำให้เกิดไซนัสอักเสบ
พบว่าไข้หวัดเป็นสาเหตุสำคัญของไซนัสอักเสบเฉียบพลัน แต่ในไซนัสอักเสบเรื้อรังจะมีสาเหตุจาก ภาวะหวัดเรื้อรังจากภูมิแพ้ แกนกั้นจมูกคด ริดสีดวงจมูกหรือก้อนเนื้องอกในจมูก และจากสิ่งแปลกปลอมในช่องจมูก ซึ่งภาวะเหล่านี้ทำให้เกิดการคั่งของน้ำมูกและอุดตันรูเปิดของไซนัสจึงทำให้เกิดไซนัสอักเสบเรื้อรัง
การรักษาไซนัสอักเสบ
หลักสำคัญการรักษาไซนัสอักเสบ คือการให้ยาปฏิชีวนะ เพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่เป็น
สาเหตุสำคัญของไซนัสอักเสบ โดยต้องได้รับยาปฏิชีวนะอย่างน้อย 10-14 วัน ในบางรายที่เป็นไซนัสอักเสบเรื้อรัง อาจจะต้องให้ยาปฏิชีวนะนานถึง 6-8 สัปดาห์
นอกจากนี้แพทย์อาจให้ยาอื่นร่วมรักษาด้วย เช่น ยาลดเยื่อบุจมูกบวมหรือยาหยอดจมูกบางชนิดเพื่อลดอาการคัดจมูก ยาละลายเสมหะเพื่อลดความเหนียวของน้ำมูกและลดอาการคั่งค้างของน้ำมูกในโพรงไซนัส ยาแก้ปวดเพื่อลดอาการปวดไซนัส
ไม่แนะนำให้ผู้ป่วยกินยาแก้แพ้ลดน้ำมูก เพราะผลข้างเคียงของยาแก้แพ้จะทำให้น้ำมูกแห้งซึ่งเป็นข้อเสียมากกว่าผลดี ทำให้เชื้อโรคเจริญได้ดีขึ้น ยกเว้นจะให้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีโรคภูมิแพ้ร่วมด้วย
เราจะทำการรักษาด้วยวิธีผ่าตัดเมื่อการรักษาด้วยยาแล้วผู้ป่วยมีอาการไม่ดีขึ้น หรือมีโรคแทรกซ้อนเกิดขึ้นจากการอักเสบของไซนัส หรือมีโรคพื้นฐานที่เป็นสาเหตุชักนำที่ทำให้เกิดไซนัสอักเสบเรื้อรังขึ้น เช่น ริดสีดวงจมูก, แกนกั้นจมูกคด เป็นต้น โดยแพทย์เฉพาะทางหู คอ จมูก จะเป็นผู้ดูแลรักษาทางด้านนี้
เมื่อท่านป่วยเป็นไซนัสอักเสบ
มีคำแนะนำการปฎิบัติตัวของท่าน สำหรับท่านดังนี้
- รีบมาพบแพทย์ เมื่อสงสัยว่าท่านจะป่วยเป็น ไซนัสอักเสบ ตามอาการดังกล่าวข้างต้น และปฎิบัติตนตามคำแนะนำของแพทย์ผู้ทำการรักษา รวมทั้งรับประทานยาตามที่แพทย์ได้สั่งให้การรักษา
- ท่านควรหยุดพักงานและนอนหลับพักผ่อนให้มากเพียงพอ
- แนะนำให้ท่านควรดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ วันละ 7 – 8 แก้วขึ้นไป
- ถ้าท่านมีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้ทางจมูก ควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ เช่น ฝุ่น ละอองเกสรหญ้าและดอกไม้ ขนสัตว์ ซากแมลงสาบ และเชื้อราในอากาศ รวมทั้งสิ่งระคายเคืองต่างๆ เช่น อากาศเสีย ควันบุหรี ควันท่อไอเสียรถยนต์ และอากาศเย็น เพราะจะทำให้อาการไซนัสอักเสบเป็นมากขึ้น
- ควรพยายามนอนศีรษะสูง หรือตั้งศีรษะตรงไว้เสมอ เพราะ จะช่วยระบายหนองที่คั่งค้างออกจากไซนัส ตามแรงโน้มถ่วงของโลก อาจจะทำให้อาการดีขึ้นได้ หรือจะลดอาการปวดไซนัสได้
- ควรหลีกเลี่ยงการก้มศีรษะ เพราะจะทำให้อาการปวดจากไซนัสเป็นมากขึ้น
- ไม่แนะนำให้สั่งน้ำมูกด้วยความรุนแรงเพราะจะทำให้เกิดอากาปวดได้ ถ้าจะสั่งน้ำมูกให้
ใช้มืออุดจมูกอีกข้างหนึ่งไว้และสั่งน้ำมูกเบาๆจนหายใจโล่งจึงหยุดสั่งได้
- เมื่อมีอาการปวดไซนัส การใช้ ผ้าชุบน้ำอุ่น(Hot compression) วางปะคบบริเวณไซนัสที่
ปวดประมาณ 3 – 4 นาที และสลับด้วยวางผ้าชุบน้ำเย็น ประมาณ 30 วินาที ทำอย่างนี้ 3 รอบประมาณ 2 – 6 ครั้ง ต่อวัน อาจจะช่วยให้อาการปวดทุเลาไปได้
- การสูดดมไอน้ำ(Inhalation) จะช่วยทำให้เกิดความชุ่มชื้น ลดอาการเหนียวข้นของน้ำมูกๆ สามารถระบายออกได้ง่ายขึ้นและลดอาการคัดจมูก ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้น แนะนำให้ใช้น้ำร้อนพอประมาณใส่ชามกะละ แล้วใช้กระดาษทำเป็นกรวยครอบปากชามแล้วสูดดมไอน้ำที่ปลายกรวย ประมาณ 5 – 10 นาที แต่ไม่แนะนำให้สูดดมไอน้ำโดยตรงจากปลายกาน้ำร้อน เพราะอาจจะเป็นอันตรายได้จากไอน้ำร้อนลวก
- บางรายแนะนำให้สูดดมไอน้ำ ร่วมกับการใส่สารระเหย เช่น Eucalyptus oil , Vic Vaporub หรือ สารพวกที่เข้า Mentol เพื่อช่วยลดอาการคัดจมูกและอาการปวดไซนัสได้
- ในกรณีที่มีอาการคัดจมูกมาก จนต้องอ้าปากหายใจหรือคัดจนมีอาการปวดจมูก การใช้ยาหยอดจมูก เช่น Pernazine พ่นจมูก ข้างละ 1-2 pu/ff. หรือ Illiadine nose drop หยอดจมูก ข้างละ 2-3 หยด ทุก 4 ชั่วโมง จะสามารถบรรเทาอาการได้ แต่ไม่แนะนำให้ใช้ติดต่อกันเกินกว่า 7-10 วัน เพราะจะเกิดผลเสียมากกว่าดี
- การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ ( Nasal saline irrigation ) เป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลดีที่สุดนอกเหนือไปจากการรับประทานยาตามที่แพทย์ได้สั่งการรักษา ในการช่วยบรรเทาอาการไซนัสอักเสบ เป็นวิธีที่ใช้กันแพร่หลายในปัจจุบัน ซึ่งการล้างจมูกจะช่วยความชุ่มชื้นให้เยื่อบุจมูก ช่วยชะเอาน้ำมูกและคราบต่างๆออกไป ทำให้สามารถอาการไซนัสอักเสบดีขึ้นโดยเร็ว ผู้ป่วยสามารถหาซื้อชุดน้ำเกลือล้างจมูกได้ตามร้านขายยาและที่โรงพยาบาล วิธีการ แนะนำโดยการใช้ Syring ขนาด 20 ซ.ซ. ดูดน้ำเกลือ(Normal saline 0.9 % ) ประมาณ 10 ซ.ซ. ก้มหน้าในอ่างล้างหน้า และฉีดพ่นน้ำเกลือเข้าช่องจมูกข้างใดข้างหนึ่งแล้วสั่งออก สลับข้างกันซ้ายและขวา ถ้าน้ำเกลือเข้าลำคอให้ขย้อนออกทางช่องปาก ให้ทำเช่นนี้ 3 – 4 รอบจนช่องจมูกสะอาด ทำวันละ 2 – 3 ครั้ง หรือบ่อยกว่านี้ก็ได้ตามปริมาณของน้ำมูกที่มี
- หลีกเลี่ยงการเดินทางโดยเครื่อง เพราะจะทำให้เกิดอาการปวดไซนัสเป็นมากขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของความกดดันของอากาศ แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องรับประทานยาหรือพ่นยาลดเยื่อบุจมูกบวมก่อนขึ้นเครื่องบินประมาณ ½ ชั่วโมง เพื่อลดการอุดตันของรูเปิดไซนัส
การป้องกันไม่ให้เกิดไซนัสอักเสบ
- เนื่องจากไข้หวัดเป็นสาเหตุสำคัญ ดังนั้นการป้องกันไม่ให้เป็นไข้หวัดโดยการออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
- หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ที่ป่วยเป็นไข้หวัดจะลดการเป็นไซนัสอักเสบได้
- เมื่อเป็นไข้หวัดควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาไข้หวัดให้หายโดยเร็ว
- ถ้าท่านมีประวัติป่วยเป็น หวัดเรื้อรังจากภูมิแพ้ ต้องหลีกเลี่ยงสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ด้วย เช่น ฝุ่น ไรฝุ่น นุ่น เชื้อราในอากาศ และขนสัตว์ต่างๆ เท่าที่ทำได้เพื่อลดอาการของหวัดเรื้อรังจากภูมิแพ้
- ในบางคนมีปัญหาเยื่อบุจมูกไวต่อสิ่งระคายเคือง เช่น ควันบุหรี่ ควันรถยนต์ ควันจากการประกอบอาหาร จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ด้วยเพราะจะทำให้เยื่อบุจมูกบวมและเกิดไซนัสอักเสบตามมาได้
- ถ้าท่านมีแกนกั้นจมูกคดจนมีอาการคัดจมูกเรื้อรัง หรือมีก้อนริดสีดวงจมูก ควรต้องรีบผ่าตัดแก้ไขภาวะเหล่านั้นเสียก่อนที่จะเกิดไซนัสอักเสบตามมา
โดย พอ. นพ.กรีฑา ม่วงทอง
* ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.entpmk.pmk.ac.th/webpage/Recommended%20sinusitis%20patients..html